วันพุธที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2553

ความรัก






28 ข้อนิยามความรัก
1. การรักและไม่ได้รับรักตอบ เป็นทุกข์ แต่สิ่งที่ทุกข์ยิ่งกว่า คือการรักใครสักคน แต่ไม่มีความกล้าพอที่จะบอกให้คนคนนั้นรู้ และต้องมาเสียใจภายหลัง
2. พระเจ้าอาจจะต้องการให้เราพบคนที่ไม่ใช่..ก่อนที่จะมาพบคนที่ใช่ เพื่อเวลาเราพบคนคนนั้นแล้ว เราจะได้รู้สึกซาบซึ้งถึงพรที่ท่าน ประทานมา
3. ความรักคือความรู้สึกที่คุณยังห่วงใยใครสักคนอยู่ แม้จะแยกความ รู้สึก ความลุ่มหลง และความสัมพันธ์แบบรักใคร่ออกไปแล้ว
4. สิ่งที่น่าเศร้าในชีวิต คือการพบคนที่มีความหมายอย่างมากสำหรับเรา แต่มาค้นพบภายหลังว่าเราไม่ได้ถูกกำหนดมาเพื่อสิ่งนั้น และจะต้องปล่อยให้ผ่านพ้นไป
5. เมื่อประตูแห่งความสุขปิดลงประตูแห่งความสุขบานอื่นก็จะเปิดขึ้น แต่เราก็มัวแต่มองประตูที่ปิดลงไปแล้วเนิ่นนานจนกระทั่งเรามองไม่เห็นประตูที่เปิดไว้รอ
6. เพื่อนที่ดีที่สุดคือคนที่คุณสามารถนั่งอยู่ริมระเบียงด้วยกันโดยไม่พูดอะไรกันสักคำ แต่สามารถเดินจากไปด้วยความรู้สึกเหมือนได้คุยกัน อย่างประทับใจที่สุด
7. เป็นความจริงที่เราไม่สามารถรู้เลยว่าเรามีอะไรอยู่จนกว่าเราจะสูญเสียมันไป แต่ก็จริงอีกเช่นกันที่เราไม่รู้ว่าเราพลาดอะไรไปบ้างจนกระทั่งสิ่งนั้นเข้ามาหาเรา
8. การมอบความรักทั้งหมดให้ใครสักคนไม่ได้เป็นหลักประกันว่าเขาจะรักเราตอบ อย่าหวังที่จะได้รักตอบ แต่จงรอให้มันงอกงามขึ้นในหัวใจเขา แต่ถ้ามันไม่ได้เป็นเช่นนั้น ให้พอใจว่าอย่างน้อยมันก็ได้งอกงามขึ้นในใจของเราเอง
9. มีสิ่งที่คุณต้องการจะได้ยิน แต่คุณจะไม่ได้ยินมันจากปากของคนที่คุณอยากได้ยิน แต่อย่าทำตัวเป็นคนหูหนวกโดยไม่รับฟังสิ่งนั้นจากคนที่เขาบอกกับคุณจากหัวใจ
10. อย่าบอกลาถ้าคุณยังต้องการจะพยายามต่อไป อย่าท้อใจถ้าคุณยังรู้สึกว่าคุณไปไหว อย่าพูดว่าคุณไม่รักคนคนนั้นอีกแล้ว ถ้าคุณไม่สามารถทำใจ
11. ความรักมักมาเยือนผู้ที่ยังคงหวัง ถึงแม้ว่าจะผิดหวัง และมาเยือนผู้ที่ยังคงเชื่อ ถึงแม้ว่าจะถูกทรยศหักหลัง และจะมาเยือนผู้ที่ยังคงรัก ถึงแม้จะเคยเจ็บปวดมาก่อน
12. การที่เราจะประทับใจใครนั้นใช้เวลาแค่เพียงนาที การที่เราจะชอบใครใช้เวลาเพียงแค่ชั่วโมง การที่เราจะรักใครใช้เวลาเพียงชั่ววัน แต่การที่จะลืมใครนั้นต้องใช้เวลาชั่วชีวิต
13. อย่ามองใครจากหน้าตา เพราะมันอาจหลอกเราได้ อย่ามองใครจากความร่ำรวย เพราะมันไม่จีรังยั่งยืน ให้มองหาคนที่ทำให้คุณยิ้มได้ เพราะเพียงยิ้มเดียว สามารถทำให้วันที่หม่นหมองกลับสดใส ขอให้คุณพบคนที่ทำให้คุณยิ้มได้
14. มีช่วงเวลาในชีวิตที่คุณคิดถึงใครสักคนจนกระทั่งอยากดึงเขา มาจากความฝันเพื่อกอดเอาไว้ขอให้คุณได้ฝันถึงคนพิเศษนั้น
15. ฝันถึงสิ่งที่คุณต้องการฝันไปในที่ที่คุณต้องการไปเป็นในสิ่งที่คุณต้องการเป็น เพราะคุณมีเพียงชีวิตเดียว และมีโอกาสเดียวที่จะทำทุกสิ่งที่คุณต้องการ
16. ขอให้คุณมีความสุขมากพอที่จะทำให้คุณเป็นคนอ่อนหวาน ผ่านการทดสอบมามากพอที่จะทำให้คุณเข้มแข็ง มีความเศร้าโศกพอที่จะทำให้คุณยังคงความเป็นมนุษย์ และมีความหวังมากพอที่จะทำให้คุณเป็นสุข
17. เอาใจเขามาใส่ใจเรา ถ้าคุณรู้สึกว่าสิ่งนั้นจะทำให้คุณเจ็บปวด รู้ไว้เถอะว่าคนอื่นก็เจ็บปวดจากสิ่งเดียวกันเช่นกัน
18. คำพูดที่ไม่ได้ยั้งคิดอาจก่อให้เกิดความขัดแย้ง คำพูดที่โหดร้ายอาจทำลายชีวิต คำพูดที่เหมาะกาละเทศะอาจลดความเครียด คำรักอาจเยียวยาและทำให้มีสุข
19. จุดเริ่มของความรักคือการปล่อยให้คนที่เรารักเป็นตัวของตัวเอง อย่าดึงเขาจากภาพความเป็นเขา มิฉะนั้นจะหมายความว่ามันเป็นเพียงภาพสะท้อนของตัวเรา ที่ปรากฎในพวกเขา
20. คนที่มีความสุขที่สุดไม่ได้หมายความว่าเขามีสิ่งที่ดีที่สุด เพียงแต่เขาสามารถทำสิ่งที่เขามีให้ดีที่สุดได้ต่างหาก
21. ความสุขรออยู่เบื้องหน้าผู้ที่มีน้ำตา ผู้ที่เจ็บปวด ผู้ที่ค้นหา และผู้ที่ พยายามแล้ว เพราะมีเพียงพวกเขาเท่านั้นที่รู้จักคุณค่า-ของผู้คนที่ได้สัมผัสชีวิต
22. ความรักเริ่มต้นด้วยรอยยิ้ม งอกงามด้วยรอยจูบ และจบลงด้วยคราบน้ำตา
23. อนาคตที่สดใสมีรากฐานอยู่บนอดีตที่แสนเจ็บปวด คุณไม่สามารถดำเนินชีวิตต่อไปได้ดี ถ้าหากไม่รู้จักปล่อยวางความผิดพลาดในอดีต และความปวดใจ
24. คุณร้องไห้ตอนคุณเกิดในขณะที่คนรอบข้างกำลังยิ้ม จงมีชีวิตอยู่เพื่อเมื่อตอนคุณตาย คุณจะเป็นคนที่ยิ้ม ในขณะที่คนรอบข้างร้องไห้ให้คุณ
25. ความรักก็เหมือนกับการเสี่ยง คุณอาจจะต้องพบกับความล้มเหลว แต่ถ้าคุณไม่เสี่ยง คุณก็อาจจะต้องพบกับความล้มเหลวตลอดไป
26. ความรัก มักเหมือนแก้วบาง ถ้าหากคุณมือหนัก แก้วที่คุณถือ ก็อาจจะต้องแตกร้าวทุกครั้งที่คุณใช้มัน 27. ความรัก ง่ายที่เราจะหามัน แต่ยากที่จะรักษาเอาไว้ให้คงอยู่ตลอดไป
28. ความรัก เป็นเรื่องง่ายๆ ที่จะรักษามันไว้กับใจ หากคนทั้งคู่ ไม่ โง่...



























คนที่เรารัก.....คือคนที่ใช่สำหรับเรา
แต่บางครั้ง.....เรากลับรู้สึกว่าเขาไม่ใช่
คนที่เรารัก.....คือคนที่เราคิดว่าเรารู้จักเขาดี
แต่แท้จริงแล้ว....เรากลับไม่รู้จักเขาเลย
คนที่เรารัก......คือคนที่เราพร้อมจะเป็นผู้ให้
แต่สิ่งที่เราให้.....เขากลับไม่เคยมองเห็นสิ่งที่เราให้ไป
คนที่เรารัก........คือคนที่เราอยู่ด้วยเวลามีความสุข
แต่เวลาเราทุกข์.....เรากลับมองหาเขาไม่เจอ
คนที่เรารัก....คือคนที่เราใส่ใจทุกเวลา
แต่ที่แย่กว่าคือ.....ตลอดมาเขาไม่ได้ "รักเรา"
คนที่รักเรา.......คือคนที่เราเพียงมองผ่าน
แต่เขา.....กลับมองเราอย่างใส่ใจ
คนที่รักเรา.....คือคนที่เราไม่พยายามทำความรู้จัก
แต่เขา.....กลับพยายามทำความรู้จักเรา
คนที่รักเรา.....คือคนที่เราไม่เคยให้ความสำคัญมากมาย
แต่เขา.....กลับให้ในสิ่งที่ล้วนมีค่ามีความสำคัญกับเรา
คนที่รักเรา......คือคนที่เราไม่เคยเห็นหน้าเวลาสุข
แต่เวลาทุกข์......เขากลับเป็นเหมือนเงาคอยเฝ้าตาม
คนที่รักเรา.....คือคนที่เราไม่เคยนึกถึง
แต่มีสิ่งหนึ่ง.....บอกให้รู้ว่า......"เขารักเรา"



















วันนี้...เราอาจรู้สึกผูกพันต่อสิ่งหนึ่ง จนคิดว่าเราขาดไม่ได้ " .....แต่เวลาจะทำให้ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไป ..... สักวันเราจะรู้ว่า... สิ่งที่เราผูกพันในวันนี้. ....เป็นแค่ส่วนหนึ่งที่เติมชีวิตเรา ไม่ใช่...ทั้งหมดของชีวิตเรา
วันหนึ่ง...หากเรามีโอกาสได้เจอสิ่งที่ถูกใจสิ่งใหม่ ที่เราคิดว่าเราพึงใจ...ปรารถนา...ต้องการ...ขาดไม่ได้ เราก็จะเริ่มผูกพันกับสิ่งใหม่ได้ในเวลาไม่นานนัก..
เมื่อเวลาหนึ่งผ่านไป จะสอนเราได้เองว่า .....ความผูกพันกับสิ่งใดๆในช่วงเวลาหนึ่ง จะเป็นความสุขในช่วงเวลานั้น ๆ อย่าได้ไปยึดติด อย่าได้ไปใช้ชีวิตทั้งชีวิตลุ่มหลง... คิดเสียว่า...เราโชคดี...ที่มีโอกาสได้ผูกพันกับสิ่งที่เรารัก
ความผูกพัน...ก็เหมือนกับความรัก... หรืออาจจะเป็นผลพวงที่มาจากความรัก หากเรารักใครคนใดคนหนึ่งมาก เราก็จะรู้สึกว่าผูกพันมาก แต่ความผูกพันที่ว่า... ไม่ได้หมายถึงการหยุดตัวเอง ไว้กับสิ่งนั้นๆ
.....เพราะคนเราทุกคนย่อมผูกพันกับหลายๆสิ่ง เปรียบเสมือน เรามีแก้วนำอยู่หนึ่งใบ ในยามเช้า...เราอาจต้องใช้แก้วใบนี้ดื่มนม พออากาศร้อนหน่อย...เราอาจต้องการน้ำเย็น ๆ บางครั้งที่เราไม่สบาย...เราอาจต้องการน้ำอุ่น
ใจเราก็เหมือนกับแก้วน้ำ... ต้องเติมสิ่งต่าง ๆ ในเวลาที่แตกต่างกัน...ตามความเหมาะสม
หากเราเติมน้ำเย็นลงไปในแก้วน้ำ แล้วเติมน้ำร้อนลงไปในทันที ในแก้วใบเดียวกัน เราก็จะพบว่า...แก้วใบนั้น...ก็จะร้าว...แล้วเริ่มแตก ซึ่งก็เหมือนกับใจเรา...
ความผูกพันต่อสิ่งหนึ่งสิ่งใดในช่วงเวลาหนึ่ง...ไม่ผิด ถ้าเราค่อยๆปรับใจ...ปรับตัวของเราเอง...ให้กลับคืนในเวลาที่ควร เพราะอย่างน้อยที่สุด...เราก็มีโอกาส...ได้ผูกพัน... ซึ่งก็เหมือนเรามีโอกาส...ได้รัก นั่นเอง
ถ้าคุณมีความสุขที่เห็นเค้าเดินกับคนอื่น ...คือ...ความรัก ถ้าคุณเศร้า...เหงา...คิดถึงเค้า...อยากเจอ...อยากพูดคุย ...คือ...ความรัก
ถ้าคุณร้อนรนที่เค้าอยู่กับใครๆที่ไม่ใช่คุณ ...คือ...ความใคร่ อยากเก็บไว้เป็นเจ้าของคนเดียว
ถ้าคุณเมามาย...เค้าลูบหลังไหล่...ดูแล ...คือ...ความรักที่บริสุทธิ์ใจ ถ้าคุณเมามาย...เค้ากอดและสัมผัสร่างกาย ...คือ...ความใคร่จากเค้าของคุณ
ถ้าคุณเข้าหา...แต่เค้าหนี... ...คือ...ความใคร่ ที่หมดเยื่อใยแล้ว ถ้าคุณหนี...แต่เขาวิ่งตามมา... ...คือ...ความรักที่ยังไม่มีจุดจบ
ถ้าคุณร้องไห้...ให้กับคนที่ไม่มีเยื่อใยในตัวคุณ .....คุณคือ...คนโง่...และบ้า อย่างน่าอาย แต่ถ้าคุณพอใจ...จงรัก...และมอบความรักให้กับเค้า แม้มันจะไม่กลับมาหาคุณก็ตาม จงดีใจที่ได้รักซะวันนี้...ดีกว่าที่จะมานั่งเสียใจในวันหน้า จงภูมิใจที่มีความใคร่...เสน่หา เพราะมันจะไม่ย้อนกลับมาหาอีกต่อไป








































สถานที่ท่องเทียว

อัมพวา
...ยามเย็นที่ค่อย ๆ เงียบตัวลงทีละช้า ๆ กับบรรยากาศอีกฝั่งที่ไม่ใช่ด้านที่มีการขายอาหารกันก็จะเงียบลงไปสัก

หน่อย ...ได้อารมณ์ไปอีกแบบ

...บริเวณริมน้ำดูมีชีวิตชีวาขึ้นมาทันทีเมื่อมีนักท่องเที่ยวเดินทางมากันร่วมสัมผัสบรรยากาศยามที่เรือแม่ค้ามาขายอาหาร

กัน ...ผมเองก็ร่วมสัมผัสลิ้มรสชาดด้วย ... อืม...ปลาหมึกย่างอร๊อย อร่อย



...ระหว่างที่ได้ใช้เวลาอยู่ที่อัมพวาแม้จะแค่บ่ายของวันแรกถึงสาย ๆ ของวันที่สองแต่

ก็สร้างความประทับใจความอบอุ่นให้กับหัวใจได้มากทีเดียว ...ตั้งใจและขอมุ่งมั่นว่าจะกลับไปอีกให้ได้ แม้จะแค่ไปนอนเล่นสัก

คืนแต่ก็เพียงพอให้หายเหนื่อยจากความวุ่นวายในเมืองได้เป็นแน่



...ที่ผมได้มีโอกาสถ่ายภาพเก็บกลับมานี่ก็เป็นแค่เพียงส่วนหนึ่งนิด ๆ หน่อย ๆ เท่านั้นเอง

...เรื่องราวและความงดงามของอัมพวามีอะไรเยอะแยะมากมาย

มุมเล็ก ๆ นั่งสบาย ๆ ริมน้ำ คนเยอะไปนิดตามแบบฉบับวันหยุดสุดสัปดาห์แต่ก็พยายามหามุมโล่ง ๆ เก็บภาพมาให้ได้

...ขออีกสักมุมล่ะกันนะ



...ได้มีโอกาสเดินทางไปสัมผัสบรรยากาศแห่งอัมพวาครั้งแรกก็ประทับใจเลยครับ ผมเองก็ไม่ค่อยได้มีโอกาสเห็นภาพ

จากอัมพวาสักเท่าไหร่(ทั้ง ๆ ที่คนเค้าไปกันตั้งเยอะตั้งแยะ) การไปครั้งนี้เป็นครั้งแรกก็หนักไปทางกินซะส่วนใหญ่ จะเป็นอย่าง

ไรไปชมกันเลย ป.ล. ภาพชุดนี้ลองทำโทนสีให้ดูเก่า ๆ แล้วใส่น๊อยส์เพิ่มลงไปนะ




...อะไรเป็นอะไรก็ตื่นเต้นไปซะหมดยิ่งของกินยิ่งตื่นตาตื่นใจมากครับ ...กลับมาเพื่อนบอกว่าพี่ชายคนที่เล่นไวโอลีนใน

ภาพนี้เป็นมุมมหาชน เอิ๊กๆๆ ดีใจ ๆ ได้มีภาพมหาชนกะเค้าด้วย



...บ้านริมน้ำกับบรรยาศเก่า ๆ


...บ้านริมน้ำกับบรรยาศเก่า ๆ



...มุมหนึ่งกับถ้อยคำประโยคสั้น ๆ ของร้านค้าที่ระลึกริมน้ำครับ



















วันพุธที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2553

เดอะพาวเวอร์พัฟฟ์เกิลส์

เดอะพาวเวอร์พัฟฟ์เกิลส์
เดอะพาวเวอร์พัฟฟ์เกิลส์ (อังกฤษ: The Powerpuff Girls) เป็นการ์ตูนจากสหรัฐอเมริกา เขียนโดย Craig McCracken เริ่มออกอากาศทางการ์ตูนเน็ตเวิร์ก ในวันที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2541 (ค.ศ. 1998) ถึง 25 มีนาคม พ.ศ. 2548 (ค.ศ. 2005)พาวเวอร์พัฟฟ์เกิลส์ได้รับรางวัลเอมมีในปี พ.ศ. 2543 และ 2548
เรื่องย่อพาวเวอร์พัฟฟ์เกิลส์ เกิดจากการทดลองที่ผิดพลาดของ ศจ.ยูโทเนียม โดย ศจ.ยูโทเนียม ต้องการเด็กหญิงสมบูรณ์แบบ โดยการผมสมน้ำตาล เครื่องเทศ สารพัดของกุ๊กกิ๊ก และสารเคมี X โดยไม่ได้ตั้งใจ แล้วเกิดเป็นเด็กหญิง 3 คนได้แก่ บลอสซัม บัตเทอร์คัพ และ บับเบิลส์ พวกเธอเกิดมาพร้อมกับพลังพิเศษ และใช้พลังนี้ในฐานะซูเปอร์ฮีโร่เพื่อช่วยปกป้องโลก ส่วน ศจ.ยูโทเนียม เขาก็รับหน้าที่เลี้ยงดูเหมือนกับเป็นพ่อคนหนึ่ง และคอยให้คำแนะนำสั่งสอน 3 สาวเป็นประจำ ทั้งยังคอยประดิษฐ์คิดค้นของใหม่ ๆ ให้กับพาวเวอร์พัฟฟ์เกิลส์อีกด้วย
ตัวละครหลัก
บลอสซัม (Blossom)


เพศ หญิง
สีผม น้ำตาล
เครือญาติ บัตเตอร์คัพ กับ บับเบิลส์ (พี่น้อง)
ศจ.ยูโทเนียม (พ่อ)
เป็นตัวการ์ตูนที่อยู่ในเรื่อง พาวเวอร์พัฟฟ์เกิลส์ เธอเป็นเด็กหญิงอายุ 5 ขวบ ทั้งยังเป็นผู้นำของพาวเวอร์พัฟฟ์เกิลส์อีกด้วย ลักษณะของบลอสซัมคือไว้ผมยาวและมีผมสีน้ำตาล ใส่ชุดสีชมพู ตาสีชมพู ผูกโบว์สีแดงที่ผม บลอสซัมเป็นผู้นำกลุ่มพาวเวอร์พัฟฟ์เกิลส์ มีความเป็นผู้นำสูงจนเกินไป ด้วยลักษณะนิสัยของเธอนี่เองที่ทำให้เธอดูเหมือนเป็นพี่สาวของบับเบิลส์และบัตเตอร์คัพ แต่จริงๆแล้วทั้ง 3 คนเกิดมาพร้อมกัน

บัตเทอร์คัป (Buttercup)


เพศ หญิง
สีผม ดำ
เครือญาติ บลอสซัม กับ บับเบิลส์ (พี่น้อง)
ศจ.ยูโทเนียม (พ่อ)
เป็นตัวการ์ตูนที่อยู่ในเรื่อง พาวเวอร์พัฟฟ์เกิลส์ ลักษณะของเธอคือเด็กหญิงอายุ 5 ขวบ ไว้ผมสั้น ใส่ชุดสีเขียว ตาสีเขียว บัตเตอร์คัพเป็นเด็กสาวห้าวในกลุ่มพาวเวอร์พัฟฟ์เกิลส์ ขี้โมโห โวยวายเหมือนเด็กผู้ชาย ชื่นชอบการต่อสู้ที่มีความรุนแรง ในฉบับภาพยนตร์ของ "เดอะพาวเวอร์พัฟฟ์เกิลส์" เปิดเผยว่า ศจ.ยูโทเนียมตั้งชื่อว่า "บัตเตอร์คัพ" เพื่อให้มีอักษรนำหน้าด้วย B เหมือนอีกสองคน

บับเบิลส์ (Bubbles)

เพศ หญิง
สีผม ทอง
เครือญาติ บลอสซัม กับ บัตเตอร์คัพ (พี่น้อง)
ศจ.ยูโทเนียม (พ่อ)
เป็นตัวการตูนที่อยู่ในเรื่อง พาวเวอร์พัฟฟ์เกิลส์ลักษณะของเธอคือเด็กหญิง5 ขวบ ไว้ผมหางม้า ผมสีทอง ใส่ชุดสีฟ้า ตาสีฟ้า ชอบอุ้มตุ๊กตา บับเบิลส์เด็กสาวที่เรียบร้อยพอๆกับความเอ๋อ เป็นคนรักสัตว์ รักธรรมชาติแต่เมื่อบับเบิลส์เกิดโมโหขึ้นมา ไม่สามารถมีใครหยุดยั้งเธอได้

ศจ.ยูโทเนียม (Professor Utonium)

เพศ ชาย
สีผม ดำ
อาชีพ นักวิทยาศาสตร์
เครือญาติ บลอสซัม,บัตเตอร์คัพ,บับเบิลส์ (ลูกสาวทั้งหมด)
เป็นตัวการ์ตูนที่อยู่ในเรื่องพาวเวอร์พัฟฟ์เกิลส์ เป็นผู้ให้กำเนิดเหล่าพาวเวอร์พัฟฟ์เกิลส์ ลักษณะของเขาคือชายหนุ่ม ตัวสูงโปร่ง เขาเป็นนักประดิษฐ์ที่มีความสามารถดีคนหนึ่ง ผลงานที่เขาทำส่วนใหญ่จะทำให้พวกพาวเวอร์พัฟฟ์เกิลส์ใช้ ทั้งยังเป็นพ่อที่ดีคนหนึ่งเลยทีเดียว ฉะนั้นเขาจึงเป็นพ่อตัวอย่างอีกคนหนึ่ง เขารักพวกพาวเวอร์พัฟฟ์เกิลส์เหมือนเป็นลูกสาว ทั้งยังคอยให้การเอาใจใส่ดูแลอย่างดี
ตัวละครอื่น ๆ
โมโจ โจโจ้
ฮิม
แก๊งอะมีบา
ฟอสซี
แก๊งขี้ไคล
ซีดูซ่า
Ms. Keane
Townsville
Ms. Sara Bellum
Narrator
สุนัขพูดได้
นายกเทศมนตรี









































































การเมือง

เสื้อแดงเตรียมระดมคนชุมนุม
ณัฐวุฒิ เตรียมระดมคนชุมนุมสนามบิน สุวรรณภูมิ สัปดาห์หน้า ขณะที่ แกน นำขนเสื้อแดงบุก ดีเอสไอ กล่าวหา อภิ สิทธิ์-พีระพันธุ์ เจตนาถ่วงฎีกาอภัยโทษ ทักษิณ เปิดคลิปเสียง นพดล พิทักษ์วานิช อ้างเป็นเจ้าของพี่ดินเขายายเที่ยง ที่ตกเป็นของ สุรยุทธ์ แฉไม่เคยขายที่ดังกล่าว ระบุโอนลอยให้ พันเอก โดยไม่ได้เงินสักบาท ด้าน กมธ.เรียก อธิบดีป่าไม้แจง ระบุถ้าตรวจพบว่าผิด ต้องรื้อทรัพย์สินออกภายใน 30 วัน อริสมันต์ ขู่หากไม่ยอมออก เตรียมบุกบ้านองคมนตรี ผู้พิพากษา ส่วน วธ. แจ้งกองปราบฯ ดำเนินคดี บก.นสพ.ไทยเรดนิวส์ ไม่จดทะเบียนแจ้งการพิมพ์ ระบุมีโทษทั้งจำคุก 6 เดือน ปรับไม่เกินหมื่นบาท
* แจ้งจับ บก.นสพ.ไทยเรดนิวส์
เมื่อวันที่ 19 ม.ค. นายธีระ สลักเพชร รมว.วัฒนธรรม (วธ.) เปิดเผยว่า ตนได้รับรายงานจาก นางวิลาวัณย์ ทรัพย์พันแสน ผู้อำนวยการสำนักหอสมุดแห่งชาติ ว่า เมื่อวันที่ 14 ม.ค.ที่ผ่านมา สำนักหอสมุดแห่งชาติ กรมศิลปากร ได้ดำเนินการแจ้งความที่กองปราบปราม เพื่อดำเนินคดีกับ นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข บรรณาธิการผู้พิมพ์ ผู้โฆษณา หนังสือพิมพ์ไทยเรดนิวส์ กรณีหนังสือพิมพ์ฉบับดังกล่าวตีพิมพ์และ วางจำหน่าย โดยไม่ได้มีการยื่นขอจดทะเบียนการพิมพ์ตามมาตรา 11 ของ พ.ร.บ.จดแจ้งการพิมพ์ พ.ศ. 2550 ที่บัญญัติไว้ว่า หนังสือพิมพ์ซึ่งพิมพ์ขึ้นภายในราชอาณาจักร ต้องจดแจ้งการพิมพ์ตามบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัตินี้ เมื่อไม่ปฏิบัติตามมีโทษทางอาญา ในมาตรา 25 ผู้ใดออกหนังสือพิมพ์โดยพนักงานเจ้าหน้าที่ยังไม่ได้รับจดแจ้งตามมาตรา 11 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน ปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
นอกจากนี้ หนังสือพิมพ์ฉบับดังกล่าวยังกระทำความผิดในมาตรา 9 ซึ่งกำหนดว่า ให้ผู้พิมพ์ส่งสิ่งพิมพ์ตามมาตรา 8 จำนวน 2 ฉบับ ให้กับหอสมุดแห่งชาติ ภายใน 30 วัน นับตั้งแต่วันที่เผยแพร่ซึ่งขณะนี้ทางสำนักหอสมุดแห่งชาติยังไม่ได้รับหนังสือพิมพ์ดังกล่าว
นายเกรียงไกร สัมปัชชลิต อธิบดีกรมศิลปากร กล่าวว่า ภายหลังสำนักหอสมุดแห่งชาติ ได้ดำเนินการแจ้งความดำเนินคดีกับหนังสือพิมพ์ไทยเรดนิวส์แล้ว หลังจากนี้จะเป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ในการดำเนินการเรียกตัวบรรณาธิการมาสอบสวน และรับทราบข้อกล่าวหา ซึ่งตนเห็นว่าการดำเนินการดังกล่าวจะเป็นตัวอย่างของการเอาผิดกับหนังสือพิมพ์ และนิตยสารที่ไม่มาขอจดแจ้งการพิมพ์ และต่อจากนี้ ทางกรมศิลปากร จะมีการเข้มงวดในการตรวจสอบมากขึ้น
* ปลัดกห.ชี้เสื้อแดงจุดประเด็น
ที่ท่าอากาศยานทหารกองบิน 6 (บน.6) พล.อ.อภิชาต เพ็ญกิตติ ปลัดกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการเคลื่อนไหวของกลุ่มคนเสื้อแดง โดยเฉพาะการเดินทางเพื่อทวงถามความคืบหน้าการถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในวันที่ 20 ม.ค.นี้ว่า กลุ่มคนเสื้อแดงคงดำเนินการเพื่อตรวจสอบคำร้องเรียนของเขา ทั้งนี้ทางกองทัพไม่ได้เข้าไปเกี่ยวข้อง ส่วนความเหมาะสมนั้นคิดว่า ความถูกต้องก็จะต้องรอในการตรวจสอบก่อน ค่อยออกมาเคลื่อนไหว อย่างไรก็ตามการออกมากดดันองคมนตรี และสำนักราชเลขาธิการ นั้นคงพยายามจุดประเด็นเพื่อให้เกิดความวุ่นวายขึ้นมา เป็นสิ่งที่เขาพยายามดำเนินการเพื่อให้เป็นประเด็นปัญหา ในส่วนของกองทัพคงติดตามการเคลื่อนไหวของเขา
* เชื่อว่า 10 วันไม่ได้อันตราย
เมื่อถามว่า เป็นห่วงหรือไม่ว่าการเคลื่อนไหวครั้งนี้จะลุกลามบานปลายเหมือนในอดีต พล.อ.อภิชาต กล่าวว่า เข้าใจว่าคงไม่มีปัญหาอะไร หากไม่มีการดำเนินการอะไรที่เป็นประเด็นปัญหาขึ้นมา ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น เมื่อถามว่า มีการตั้งข้อสังเกตว่าใกล้ถึงวันพิพากษาคดียึดทรัพย์ 7.6 หมื่นล้านบาทของ พ.ต.ท.ทักษิณ อาจจะเกิดความรุนแรง พล.อ.อภิชาต กล่าวว่า ก็คงจะเป็นการวางแผนของเขา แต่ทางกองทัพก็คงติดตามความเคลื่อนไหวคงไม่ได้ทำอะไร ส่วนที่มีการระบุว่าระหว่างวันที่ 16-26 ก.พ.นี้ เป็นช่วง 10 วันอันตรายนั้นตนไม่ได้มองว่าเป็นอันตราย ถ้าเราไม่ได้ทำอะไร ให้เป็นเรื่องที่รุนแรงขึ้นมาก็ไม่มีปัญหาอะไร และเหตุการณ์ไม่น่าจะเลวร้ายแบบสงกรานต์ปีที่แล้ว เพราะช่วงเดือน เม.ย. เราก็มีบท เรียนอยู่แล้ว คงไม่ทำอะไรในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง และเราก็พยายามทำในสิ่งที่ถูกต้อง และไม่ให้เกิดปัญหาอะไรขึ้นมา
* ไม่แก้ปัญหาด้วยการปฏิวัติ
ผู้สื่อข่าวถามว่า มองคำพูดของ พ.ต.ท.ทักษิณ อย่างไรที่บอกว่าจะทำสงครามครั้งสุดท้าย พล.อ.อภิชาต กล่าวว่า สุดท้ายมาหลายครั้งแล้ว ไม่ต้องห่วงคงไม่มีประเด็นปัญหาที่ต้องห่วงใย ทางกองทัพ และตำรวจ ติดตามดูแลสถาน่แล้ว และทำทุกสิ่งทุกอย่างให้เรียบร้อย เท่าที่จะทำได้ เมื่อถามย้ำว่า กองทัพยืนยันได้หรือไม่ว่าจะไม่นำกำลังทหารออกมาแก้ไขปัญหาความวุ่นวายของบ้านเมืองด้วยการ ทำปฏิวัติรัฐประหาร พล.อ.อภิชาต กล่าว ว่า ยืนยันเต็มที่ว่ากองทัพไม่มีความคิดที่ จะนำกำลังทหารเข้ามาแก้ไขปัญหาด้วย การปฏิวัติ ในการแก้ไขปัญหาเรื่องการเมือง ฝ่ายการเมืองจะต้องแก้ไขปัญหาเอง ทั้ง นี้คิดว่าประชาชนส่วนใหญ่ไม่ต้องการให้ เกิดความวุ่นวาย ประชาชนอยากจะเห็นความสงบสุขของชาติบ้านเมืองมากกว่า ทั้งนี้ตนยืนยันว่าไม่น่าจะมีเหตุการณ์อะไรที่จะทำให้เกิดความวุ่นวาย หรือรุนแรงขึ้น ถึงแม้ว่าจะมีกลุ่มบุคคลบางกลุ่มที่พยายามสร้างสถานการณ์ หรือทำให้เกิดเหตุการณ์วุ่นวายขึ้นมามันคงไม่เป็นไปตามที่เขาต้องการ
* คนขายที่เขายายเที่ยงโผล่
ที่ห้างอิมพีเรียล ลาดพร้าว นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำ นปช. แถลงว่า เมื่อ 2 วันที่ผ่านมา ตนได้ไปคุยกับนายนพดล พิทักษ์วาณิช ผู้ซื้อที่ดินบนเขายายเที่ยง ต่อจาก นายเบ้า สินนอก หรือพระเบ้าใน ปัจจุบัน ซึ่งนายนพดลในอดีตเป็นนักธุรกิจคนสำคัญใน จ.นครราชสีมา ยุคที่ พล.อ. สุรยุทธ์ จุลานนท์ เป็นแม่ทัพ ภาค 2 แต่สภาพของนายนพดลวันนี้ต่างจากในอดีต เพราะต้องหลบซ่อน มีคนตามคุกคามทั้งที่บ้านพักและสถานที่ต่าง ๆ นายนพดลได้มาคุยกับตน และไม่ต้องการที่จะเปิดเผยตัว เพราะเกรงอันตราย โดยนายนพดลระบุว่าไม่มีการซื้อขายที่ดินดังกล่าว และไม่มีการชำระเงินแม้แต่บาทเดียว
* ระบุโอนลอยให้ พันเอก
หลังจากนั้น นายณัฐวุฒิ ได้เปิดคลิป เสียงบันทึกของนายนพดล โดยอ้างว่าได้รับการยินยอมให้บันทึกการสนทนาประมาณ 10 นาที ซึ่งในคลิปเป็นเสียงของชายคนหนึ่ง ที่ระบุว่าเป็นนายนพดล เจ้าของที่ดินบนเขายายเที่ยง โดยซื้อที่ดินต่อมาจาก นายเบ้า ในราคา 7 แสนบาท และถือครองมาเป็นเวลา 4 ปี ซึ่งในคลิปเสียงเป็นการสนทนาถามตอบระหว่าง นายณัฐวุฒิและนายนพดล โดยมีใจความสรุปว่า นายนพดล ประสบปัญหาเศรษฐกิจจากการทำโครงการหมู่บ้านจัดสรร และดำเนินการต่อไม่ได้ นอกจากนี้ยังมีโครงการใหญ่อีกโครงการ ซึ่งไม่มีใครอนุมัติ จึงหมดกำลังใจที่จะทำงานในประเทศไทย จึงคิดที่จะไปทำงานต่างประเทศ และได้เซ็นโอนลอยที่ดินดังกล่าวให้ พันเอก.......... เพราะมีผู้ใหญ่อยากได้ และยืนยันไม่เคยได้รับเงินจากใคร
* ยันเนื้อที่ 21 ไร่ ไม่ใช่ 20 ไร่
ยืนยันว่าที่ดินบนเขายายเที่ยง ที่ผมเคยครอบครองมีทั้งหมด 21 ไร่ ไม่ใช่ 20 ไร่ และที่เคยมีการรังวัดพบว่ามีที่ดินเพิ่มเป็น 26 ไร่ 8 ตารางวา ก็ไม่ทราบว่างอกออกมาได้อย่างไร เพราะไม่ใช่พื้นที่ติดแม่น้ำหรือชายทะเล หากงอกมาได้ก็พิสดาร ส่วนจะรุกเพิ่มหรือไม่ ผมไม่ทราบ แต่ผมซื้อมา 21 ไร่ ทั้งนี้เห็นว่าพื้นที่ส่วนใกล้เคียงชาวบ้านก็ถูกดำเนินการหมดแล้ว ถ้ารู้แบบนี้ผมน่าจะถือที่ดินผืนนี้ครองเอาไว้ เพราะมีเทพศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองให้ขนาดนี้ คลิปที่อ้างว่าเป็นเสียง นายนพดล กล่าว
* เตรียมชุมนุมที่ สุวรรณภูมิ
นายณัฐวุฒิ กล่าวถึงความเคลื่อนไหวของคนเสื้อแดงในสัปดาห์หน้า ว่า สัปดาห์นี้จะมีการประชุมแกนนำ นปช. โดยตนจะเสนอให้มีการติดตามคดีพันธมิตรฯยึดสนามบินสุวรรณภูมิ ที่ยังไม่มีความคืบหน้า โดยจะขอให้มวลชนเสื้อแดงทุกคนไปร่วมชุมนุมโดยสงบ ที่บริเวณทางเข้าสนามบินสุวรรณภูมิ และยืนยันว่าจะไม่มีการยึดสนามบิน ไม่บุก ไม่ปิดทางเข้าและออกอาคาร และไม่คุกคามผู้โดยสารหรือเจ้าหน้าที่ โดยจะเชิญกลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากการดำเนินคดีเกี่ยวกับการชุมนุมมาร่วมด้วย เช่น กลุ่มชาวนา และกลุ่มพนักงานไทรอัมพ์ โดยจะให้ทุกหน่วยงานมาแสดงพลัง ทั้งนี้ตนได้ไปสำรวจพื้นที่สองข้างถนน พบปกติมีการเอารถไปจอดไว้ข้างละคันอยู่แล้ว โดยไม่กระทบต่อการจราจร ซึ่งหากเป็นไปได้จะเริ่มการชุมนุมในสัปดาห์หน้าโดยใช้เวลาในการชุมนุมไม่เกิน 1 ชั่วโมง
* ขู่บุกบ้านองคมนตรีทุกคน
ด้านนายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง แกนนำ นปช. กล่าวว่า หลังจากที่แกนนำได้เดินทางไปทำเนียบองคมนตรีเพื่อยื่นหนังสือให้ พล.อ.สุรยุทธ์ แสดงความรับผิดชอบ กรณีครอบครองที่ดินเขายายเที่ยง ทั้งนี้ หากยังไม่ตัดสินใจใด ๆ กลุ่มคนเสื้อแดงจะไปตามบ้านองคมนตรีทุกคนเพื่อไปถามว่า องคมนตรีทุกคนเห็นด้วยกับเรื่องดังกล่าวหรือไม่ และคิดอย่างไร รวมทั้งจะเดินทางไปบ้านผู้พิพากษาอีกหลายคน ซึ่งเรื่องนี้จะได้ข้อสรุปว่าจะมีการดำเนินการอย่างไรต่อไป ซึ่งหลังชุมนุมที่เขาสอยดาว จ.จันทบุรี และถ้ายังไม่ได้คำตอบอีก อาจจะยื่นถวายรายงานต่อสำนักพระราชวัง เพื่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงทราบว่า คนที่อยู่ใกล้เบื้องพระยุคลบาทได้กระทำ การอย่างนี้
* ป่าไม้ขอเวลาตรวจ 60 วัน
ที่รัฐสภา เมื่อเวลา 13.30 น. คณะกรรมาธิการติดตามการบริหารงบประมาณ สภาผู้แทนราษฎร โดยมีนายเจริญ จรรย์โกมล เป็นประธาน ซึ่งกรรมาธิการฯได้มีการพิจารณาญัตติการใช้งบประมาณของกรมป่าไม้ กรณีโครงการจัดการทรัพยากรที่ดินและป่าไม้ในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ รวมถึง การยึดครองที่ดินเขายายเที่ยง ที่ จ.นครราช สีมา ของพล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ องค มนตรี พร้อมทั้งได้เชิญ นายสมชัย เพียรสถาพร อธิบดีกรมป่าไม้มาชี้แจง ซึ่ง กมธ. ปชป. ต่างพยายามสอบถามว่าเหตุใดกรมป่าไม้ถึงต้องใช้เวลาในการตรวจสอบข้อเท็จจริงในเรื่องเขายายเที่ยงถึง 60 วัน ทั้งที่ทราบข้อมูลหมดแล้วว่า ใครถือครองสิทธิถูกต้องหรือไม่ถูกต้องอย่างไร นอกจากนี้ได้สอบถามถึงการดำเนินการของกรมป่าไม้ หากตรวจสอบพบว่าเป็นการถือครองสิทธิโดยไม่ชอบ
* ถ้าผิดต้องรื้อออกใน 30 วัน
ด้านอธิบดีกรมป่าไม้ กล่าวว่า เหตุที่ต้องขอเวลา 60 วัน ในการดำเนินการ เพื่อดูข้อมูลในพื้นที่เขายายเที่ยง และนโยบายในการจัดการกับกลุ่มผู้ถือครอง แต่อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ทางอัยการได้ส่งสำนวนเรื่อง ดังกล่าวมาให้เมื่อวันที่ 18 ม.ค. ซึ่งตนได้เรียกประชุมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องในทันที เพื่อตรวจสำนวน คาดว่าไม่เกิน 7 วัน หรือภายในสัปดาห์นี้ น่าจะสรุปเรื่องดังกล่าวได้ โดยหากตรวจสอบพบว่า เจ้าของที่ไม่มีสิทธิครอบครองที่ดินดังกล่าว ต้องให้ผู้ครอบครองพร้อมบริวารออกนอกพื้นที่ภายใน 30 วัน รวมถึงต้องรื้อถอนทรัพย์สินออกไปให้หมด ส่วนหากไม่ดำเนินการรื้อถอนก็จะมีมาตรการดำเนินการตามกฎหมายที่ต้องดำเนินการ
* เสื้อแดงจี้ ดีเอสไอ ทวงฎีกา
เมื่อเวลา 14.00 น. ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กลุ่มแนวร่วมประชา ธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กว่า 100 คน นำโดย นายวีระ มุสิกพงศ์, นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ, นพ.เหวง โตจิราการ และนายจตุพร พรหมพันธุ์ เดินทางเข้ายื่นหนังสือร้องทุกข์กล่าวโทษ ให้ดีเอสไอดำเนินคดีกับ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รมว.ยุติธรรม กรณีดำเนินการพิจารณาฎีกาเสื้อแดง เพื่อขออภัยโทษให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีล่าช้า หลังยื่นขออภัยโทษตั้งแต่วันที่ 17 ส.ค. 2552
นายวีระ กล่าวว่า กลุ่มเสื้อแดงต้องการร้องทุกข์ให้ดีเอสไอดำเนินคดีกับ นายอภิสิทธิ์ และนายพีระพันธุ์ ซึ่งตั้งข้อ สังเกตว่ามีเจตนาทำให้ฎีกาเกิดความล่าช้า โดยหลังจากกลุ่มเสื้อแดงได้ร่วมกันยื่นทูลเกล้าฯถวายฎีกาขอพระราชทานความเป็นธรรม หรือฎีการ้องทุกข์ เพื่อขอพระราชทานอภัยโทษให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ กลุ่มเสื้อแดงตั้งข้อสังเกตว่า เสมือนเป็นการกักเรื่องฎีกาไว้ ไม่ปล่อยไปให้พระมหากษัตริย์ได้ใช้ พระราชอำนาจตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด ถือว่าบุคคลทั้งสองกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการตามที่กฎหมายกำหนดอันเป็นการกระทำความผิดหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญหลายมาตรา ซึ่งกลุ่มเสื้อแดงมีความเชื่อมั่นในองค์กรของดีเอสไอว่าจะเป็นที่พึ่งได้แม้ เรื่องดังกล่าวจะเกี่ยวพันกับการตรวจสอบผู้บังคับบัญชาก็ตาม
ด้านนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ ซึ่งเป็นผู้รับหนังสือร้องทุกข์ กล่าวว่า ยินดีรับเรื่องไว้สู่การพิจารณา ซึ่งภายในสัปดาห์นี้จะตั้งคณะพนักงานสอบสวนขึ้นมาทำหน้าที่พิจารณา โดยยืนยันว่าดีเอสไอจะทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมาภายใต้กรอบของกฎหมายด้วยความรวดเร็ว



อธิบดีป่าไม้สั่งให้สุรยุทธ์ออกจากเขายายเที่ยง



กก.สอบข้อเท็จจริงเขายายเที่ยงเตรียมลงพื้นที่ 21 ม.ค. ชี้ดูพิกัดก็รู้ว่าอยู่ในผังหรือไม่ ก่อนสรุปผลสอบบ้านพล.อ. สุรยุทธ์ จุลานนท์ตั้งอยู่คนละจุดกับที่ดินจัดสรรตามมติ ครม.หมู่บ้านป่าไม้หรือไม่ แย้ม หลักฐานชัดพล.อ.สุรยุทธ์ขาดคุณสมบัติในการถือครองหรือใช้ประโยชน์ในพื้นที่ดังกล่าว
(20ม.ค.) นายชลธิศ สุรัสวดี รองอธิบดีกรมป่าไม้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ในฐานะประธานคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงการถือครองที่ดินในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าเขาเตียน - เขาเขื่อนลั่น (เขายายเที่ยง) อ . สีคิ้ว จ . นครราชสีมา กล่าวถึงความคืบหน้าในการทำงานของคณะกรรมการฯว่า เมื่อวันที่ 18 ม . ค . ที่ผ่านมา คณะกรรมการฯได้เซ็นคำสั่งแต่งตั้งอนุกรรมการตรวจสอบการเปลี่ยนแปลงแผนผังที่ดิน โดยในเบื้องต้นคณะอนุกรรมการฯ ได้นำแผนผังรูปแปลงที่ดินของโครงการหมู่บ้านป่าไม้ ตามมติ ครม . เมื่อปี 2520 มาตรวจสอบแล้ว ซึ่งรายละเอียดของเอกสารแผนผังดังกล่าวไม่ได้มีการระบุพิกัดพื้นที่ไว้ชัดเจน จึงต้องตรวจสอบเพื่อให้ทราบว่าปัจจุบันพื้นที่เป็นอย่างไร
ทั้งนี้มอบหมายให้นายสุเทพ ปวเรศวิทยาราฬ ผอ . สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 8 (นครราชสีมา) เป็นประธานอนุกรรมการฯ ตรวจสอบทั้ง 401 แปลง โดยให้เวลาในการดำเนินการตรวจสอบ 15 วัน ซึ่งรูปแบบของการเข้าตรวจสอบพื้นที่นั้นก็ต้องมีการประสานงานและแจ้งเป็นหนังสือให้เจ้าของที่ดินทราบก่อน อย่างไรก็ตามในวันที่ 21 ม . ค . นี้ คณะกรรมการฯชุดใหญ่ จะเดินทางลงตรวจสอบข้อเท็จจริงในพื้นที่เขายายเที่ยง เพื่อดูสภาพพื้นที่ของจริง เพราะมีข้อสงสัยว่าที่ดินที่เป็นปัญหาโดยเฉพาะของ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ อดีตนายกรัฐมนตรี ตั้งอยู่คนละจุดกับที่ดินจัดสรรตามมติ ครม . แต่ก็ไม่จำเป็นต้องถึงกับขอเข้าไปรังวัดพื้นที่ใหม่ เพราะเพียงดูแค่พิกัด ขอบเขตตามแผนผังก็น่าจะทราบได้แล้ว
ผลสอบเขายายเที่ยงพบสุรยุทธ์ขาดคุณสมบัติ
ผู้สื่อข่าวรายงานจากกระทรวงทรัพยากรฯว่า สำหรับกรณีที่ดินเขายายเที่ยงของ พล.อ.สุรยุทธ์นั้น คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงของกรมป่าไม้ ได้เร่งดำเนินการเป็นกรณีพิเศษกว่าแปลงอื่นๆ เนื่องจากเป็นกรณีที่มีปัญหาและถูกกดดันจากกระแสสังคมเป็นอย่างมาก โดยคณะกรรมการฯได้รับสำนวนคดีจากอัยการจังหวัดสีคิ้ว เมื่อวันที่ 18 ม . ค . ที่ผ่านมา จากการตรวจสอบสำนวนของอัยการแล้ว โดยหลักการพบว่าพล.อ.สุรยุทธ์ขาดคุณสมบัติในการถือครองหรือใช้ประโยชน์ในพื้นที่ดังกล่าว แล้ว ซึ่งคณะกรรมการฯ กำลังเตรียมเสนอรายงานเพื่อให้ผู้บริหารของกรของทส. รับทราบต่อไป จากนั้นต้องแจ้งให้ผู้ครอบครองพร้อมบริวารออกนอกพื้นที่ภายใน 30 วัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากได้รับสำนวนจากอัยการกรณีเขายายเที่ยงมาแล้ว ในช่วงบ่ายวันที่ 20ม.ค.ที่ผ่านมา นายสมชัย เพียรสถาพร อธิบดีกรมป่าไม้ ได้เรียกนิติกรกรมป่าไม้ เข้าหารือและพิจารณาสำนวนอย่างเคร่งเครียด โดยยังไม่ยอมเปิดเผยรายละเอียดของสำนวนแต่อย่างใด
อธิบดีป่าไม้เซ็นคำสั่งให้สุรยุทธ์ออกเขายายเที่ยงแล้ว ล่าสุดมีรายงานว่า อธิบดีกรมป่าไม้ได้ลงนามในคำสั่งให้ พล.อ.สุรยุทธ์ออกจากพื้นที่เขายายเที่ยงแล้วภายใน 30 วัน เนื่องจากขาดคุณสมบัติครอบครองที่ดิน ทั้งนี้แหล่งข่าวจากกรมป่าไม้เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 20 มกราคม กรมป่าไม้ทำหนังสือถึง พล.อ.สุรยุทธ์ โดยระบุว่า "จากการตรวจสอบของกรมป่าไม้พบว่า พล.อ.สุรยุทธ์ ไม่มีสิทธิครอบครองที่ดินเขายายเที่ยง ตามมติ ครม.เมื่อวันที่ 29 เมษายน 2518 จึงขอแจ้งให้ท่านกับบริวารออกจากเขตป่าสงวนเขายายเที่ยง พร้อมให้รื้อถอนบ้านและสินทรัพย์ภายใน 30 วัน แต่หากไม่เห็นด้วยสามารถยื่นอุทธรณ์ต่อกรมป่าไม้ได้ภายใน 15 วัน ตามวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ.2539 มาตรา 44"

ไทม์สยัน แม้ว สัมภาษณ์หมิ่นสถาบัน!!!




"ทักษิณ" ออกแถลงการณ์ยันถูกไทม์สบิดเบือนคำสัมภาษณ์ ลั่นไม่ได้จาบจ้วงสถาบันอีก ขณะที่ไทมส์ได้ยืนยันคำสัมภาษณ์ตามที่เผยแพร่ไปจริง ปลัดกห.คิดไม่ถึงคนเป็นถึงระดับอดีตนายกฯจะใช้คำรุนแรงเช่นนี้
(9พ.ย.) นายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ แถลงข่าวที่รัฐสภา ตอบโต้กรณีพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์ไทม์ส ของประเทศอังกฤษ ที่มีลักษณะจาบจ้วงสถาบันเบื้องว่า เป็นการย้ำถึงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม และเรียกร้องให้ยุติพฤติกรรมเช่นนี้ เพราะจะส่งผลกระทบต่อความรู้สึกของคนไทย
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวต่อว่า กระบวนการยุติธรรมของไทยจะเข้าไปตรวจสอบข้อเท็จจริงและดำเนินคดีต่อไป รวมถึงการทำหนังสือถึงเอกอัครราชทูตประเทศต่างๆ เพื่อให้เข้าใจถึงบทบาทสถาบัน ที่ต้องอยู่เหนือประเด็นทางการเมือง
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ยืนยันถึงความพร้อมในการประสานขอตัวผู้ร้ายข้ามแดนจากกัมพูชา เพื่อนำส่งตัว พ.ต.ท.ทักษิณ กลับมาดำเนินคดีว่า ไทยจำเป็นต้องดำเนินการตามขั้นตอน ด้วยความเคารพต่อกฎหมาย
ด้านนพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกแต่ครั้งนี้ใช้ถ้อยคำที่รุนแรง และน่าสงสัยว่า มีการใช้ลอบบี้ยิสต์เพื่อดำเนินการ ทั้งนี้พรรคประชาธิปัตย์จะเสนอต่อรัฐบาลและหน่วยงานที่รับผิดชอบ อาทิ หน่วยงานที่ดูแลด้านความมั่นคง เพื่อให้พิจารณากับสื่อที่ลงข่าวดังกล่าว เพราะถือว่ากระทบกระเทือนจิตใจคนไทยทั้งชาติ
ผู้สื่อข่าวถามว่า จะมีการเสนอรัฐบาลเพื่ประสานไปยังสื่อดังกล่าวขอให้ลบข้อความที่กระทบสถาบันเบื้องสูง และความรู้สึกของคนไทยหรือไม่ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า จะให้รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทำการประสานและดำเนินการต่อไป
ทักษิณโยนบาป"ไทม์ออนไลน์"บิดเบือนคำ
ต่อมาเมื่อเวลา 14.30 น.พ.ต.ท.ทักษิณ ได้โพสต์ข้อความลงเว็บไซต์ทวิตเตอร์ ความว่า "ผมรู้สึกเสียใจมาก ที่ไทมส์ออนไลน์พาดหัวข่าววันนี้บิดเบือนคำให้สัมภาษณ์ของผม ผมจะออกแถลงการณ์ด่วนให้พี่น้องทราบวันนี้ครับ"
แม้วแถลงไทมส์บิดเบือนปัดหมิ่นสถาบัน
ต่อมาเวลา 16.00 น. พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้ออกแถลงการณ์ชี้แจงเนื้อหาบทสัมภาษณ์ในหนังสือพิมพ์เดอะไทมส์ โดยมีเนื้อหาโดยสรุปว่า เป็นการบิดเบือนคำให้สัมภาษณ์ของตนโดยสิ้นเชิง และการเสนอข่าวที่เป็นความเท็จดังกล่าวก่อให้เกิดความสับสนเข้าใจผิดในหมู่ผู้อ่านข่าว และในหมู่คนไทยตามมา
ทั้งนี้พ.ต.ท.ทักษิณได้ชี้แจงโดยแยกเป็น 4 ข้อในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับสถานบัน โดยปฎิเสธไม่ได้ให้สัมภาษณ์ตามที่หนังสือพิมพ์เดอะไทมส์เผยแพร่
ร่อนจม.เปิดผนึกยันไปกัมพูชาพูดเรื่องศก.
นอกจากนี้พ.ต.ท.ทักษิณ ยังได้เผยแพร่จดหมายเปิดผนึกมายังสื่อมวลชน เพื่อชี้แจงกรณีกัมพูชาแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษาเศรษฐกิจว่ เพื่อจะพูดคุยปัญหาความยากจนและแนวโน้มเศรษฐกิจโลก เพื่อรักษาผลประโยชน์ของประเทศไทยกับเพื่อนที่กรุงพนมเปญ แม้ว่ารัฐบาลไทยปัจจุบันจะยังคงไล่ล่าตัวผม ไม่ว่าตนจะเดินทางไปที่ใดก็ตาม
หวังว่ารัฐบาลไทยจะหยุดการสร้างสถานการณ์ระหว่างประเทศและปลุกกระแสชาตินิยมเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจจากความล้มเหลวโดยสิ้นเชิงที่จะพัฒนาและทำให้สวัสดิภาพของคนไทยดีขึ้น และป้องกันไม่ให้เกิดการทุจริตคอร์รับชั่นอย่างกว้างขวางในปัจจุบัน ถึงเวลาแล้วที่รัฐบาลจะยุติการหาแพะรับบาป และเริ่มทำหน้าที่แก้ไขปัญหาต่างๆที่ต้องการการแก้ไขในประเทศเราขณะนี้ หากท่านต้องการคำแนะนำใดๆ ก็สามารถโทรศัพท์หาผมได้เสมอ
ไทม์สยันทักษิณสัมภาษณ์หมิ่นสถาบัน
ภายหลัง พ.ต.ท.ทักษิณ ออกแถลงการณ์ปฏิเสธเกี่ยวกับบทสัมภาษณ์ที่มีลักษณะพาดพิงสถาบันอย่างรุนแรงในหนังสือพิมพ์เดอะไทมส์และเว็บไซต์นั้น ปรากฏว่า ในช่วงเวลาใกล้เคียงกัน หนังสือพิมพ์เดอะ ไทม์ส ได้นำคำให้สัมภาษณ์ฉบับเต็มของ พ.ต.ท.ทักษิณ มาเผยแพร่ในเว็บไซต์ไทม์สออนไลน์ คำให้สัมภาษณ์ดังกล่าวเป็นบทถาม-ตอบ ระหว่างนายแพร์รี กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งมีความยาวอย่างละเอียดทั้งสิ้นประมาณ 12 หน้า
บทสัมภาษณ์ชิ้นดังกล่าวระบุถึงข้อความจำนวนมากที่ พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวพาดพิงและล่วงละเมิดสถาบันเบื้องสูงอย่างรุนแรง และเป็นหลักฐานยืนยันว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ได้กล่าวคำพูดที่ไม่เหมาะสมจริง อีกทั้งยังบ่งชี้ให้เห็นถึงจุดประสงค์ที่แท้จริงของ พ.ต.ท.ทักษิณ ในการเคลื่อนไหวทางการเมืองในช่วงหลายปีที่ผ่านมาด้วย
ปลัดกห.คิดไม่ถึงทักษิณใช้คำรุนแรงเช่นนี้
พล.อ. อภิชาต เพ็ญกิตติ ปลัดกระทรวงกระทรวงกลาโหม ตอบคำถามผู้สื่อข่าถึงเรื่องนี้ว่า ตนยังไม่ได้รับรายงาน ซึ่งยังไม่ได้ตรวจสอบรายละเอียดว่าพ.ต.ท.ทักษิณสัมภาษณ์อย่างไร แต่ทราบว่าค่อนข้างรุนแรง ซึ่งไม่น่าจะเกิดจากคนระดับนี้ สิ่งที่พ.ต.ท.ทักษิณทำคือการทำลายตัวเอง หากเราวางตัวเป็นกลางไม่เข้าข้างใคร คงมองได้ว่าพยายามทำลายตัวเองมากกว่ายกย่องตัวเองขึ้นมา ความจริงพ.ต.ท.ทักษิณคิดเองได้ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นแสดงว่าพ.ต.ท.ทักษิณคิดแล้ว และคิดว่าสิ่งที่เกิดขึ้นจะทำให้ตัวพ.ต.ท.ทักษิณดีขึ้น แต่ผลที่ออกมาแสดงให้เห็นว่าคะแนนนิยมพ.ต.ท.ทักษิณลดลงไป
เมื่อถามว่า กองทัพจะมีปฏิกิริยาอย่างไรต่อการหมิ่นเบื้องสูง พล.อ.อภิชาต กล่าวว่า ขอตรวจสอบข้อมูลก่อน หากเป็นจริงจะต้องหาทางดำเนินการอย่างไรก็ตามเพื่อไม่ให้เกิดปัญหานี้ขึ้น เพราะเราคงยอมไม่ได้ที่ให้มีการหมิ่นสถาบัน
ภท.ประนามทักษิณอันตรายชาติเตือนปชช.มีสติ
นายศุภชัย ใจสมุทร โฆษกพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ พลาดไปแล้ว ไม่ต้องกระทืบซ้ำ หาก พ.ต.ท.ทักษิณ พูดจริงวันนี้ประชาชนตัดสินใจได้เองว่าในหัวสมองคิดอย่างไร และคิดว่าคงจะได้รับรู้เรื่องดังกล่าวจะตัดสินใจต่อ พ.ต.ท.ทักษิณ จึงอยากเรียกร้องให้ไตร่ตรองว่าจะสนับสนุน พ.ต.ท.ทักษิณต่อไปหรือไม่ เพราะเป็นอันตรายต่อประเทศชาติ และอันตรายที่สุด และเลวร้ายยิ่งกว่าการไปรับเป็นที่ปรึกษาเศรษฐกิจของรัฐบาลกัมพูชาเสียอีก
บัวแก้วรออัยการออกหมายจับส่งสถานทูตไทยคุมตัว"ทักษิณ"เมื่อเวลา 14.30 น. น.ส.วิมล คิดชอบ อธิบดีกรมสารนิเทศน์ กระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึงขั้นตอนการติดตามตัว พ.ต.ท.ทักษิณ กลับมาดำเนินคดี หลังจากปรากฏข่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณจะเดินทางเข้าประเทศกัมพูชา วันที่ 10 พ.ย.นี้ว่า กระทรวงการต่างประเทศ จะต้องได้รับเอกสารหมายจับจากสำนักงานอัยการสูงสุดก่อน เพื่อที่กระทรวงการต่างประเทศจะได้นำเอกสารหมายจับนั้นส่งโทรเลขด่วนไปยังสถานเอกอัครราชทูตไทยในกรุงพนมเปญ กัมพูชา เพื่อให้สถานทูตไทยในกรุงพนพเปญ ซึ่งขณะนี้มีอุปทูต ประจำการอยู่ ประสานขอความร่วมมือไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในกัมพูชา ในการควบคุมตัว พ.ต.ท.ทักษิณ
กระนั้น น.ส.วิมล ชี้แจงว่า เอกสารหมายจับ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่สำนักงานอัยการสูงสุดจะออกให้นั้น สามารถออกและใช้ได้ครั้งต่อครั้งเท่านั้น หมายความว่า เอกสารหมายจับนี้จะใช้ได้ในกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ เดินทางเข้าไปในกัมพูชา วันที่ 10 พ.ย.นี้เท่านั้น ไม่สามารถใช้ได้กับการติดตามตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ในสถานที่อื่น
เมื่อถามว่า สมเด็จฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา พูดชัดเจนว่า จะไม่ส่งพ.ต.ท.ทักษิณ ให้ไทย น.ส.วิมล กล่าวว่า การส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนขึ้นอยู่กับการพิจารณาของเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นนั้น ๆ

ครม.ช่วยเหลือเฮติเพิ่มแสนเหรียญเชิญร่วมบริจาค




ครม.อนุมัติเงิน 1 แสนเหรียญ พร้อมข้าว 2 หมื่นตัน แพทย์ ช่างก่อสร้าง พร้อมเปิดบัญชีธนาคารเชิญคนไทยร่วมบริจาคช่วยเหลือชาวเฮติ" "อภิสิทธิ์"หงุดหงิดโดนด่าบ่นตามระเบียบช่วยได้แค่2หมื่นเหรียญเมื่อเวลา 12.30 น.วันที่ 19 ม.ค.นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) ว่า ที่ประชุม ครม.อนุมัติเงิน 100,000 เหรียญสหรัฐฯ (หรือประมาณ 3,300,000 บาท) เป็นการช่วยเหลือเบื้องต้นแก่ประเทศเฮติที่ประสบปัญหาภัยพิบัติ ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอมา และจะมีการส่งข้าวสารเข้าไปช่วยเหลือด้วยโดยเบื้องต้นจำนวน 20,000 ตัน รวมถึงจะส่งบุคลากรเข้าไปช่วยโดยมีทั้งแพทย์ ช่าง และช่างก่อสร้าง ซึ่งจำเป็นต้องให้กระทรวงการต่างเป็นผู้ประสานในรายละเอียดของการบริหาร จัดการ เพื่อให้การส่งความช่วยเหลือตรงกับความต้องการของเฮติ และไม่เป็นภาระในการปฏิบัติการ ซึ่งต้องประสานงานผ่านสำนักงานใหญ่องค์การสหประชาชาติ(ยูเอ็น) ณ นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกานายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ รัฐบาลจะเป็นผู้ประสานงานในการเปิดศูนย์รับบริจาคเงินช่วยเหลือ ซึ่งทำได้ 2 ทาง คือ บริจาคผ่านทางบัญชีธนาคารกรุงไทย ชื่อบัญชี " รวมน้ำใจชาวไทยช่วยผู้ประสบภัยเฮติ " เลขที่บัญชี 067-0-05765-7 สาขาย่อยทำเนียบรัฐบาล ซึ่งสามารถสอบถามรายละเอียดได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 1111 และประชาชนสามารถบริจาคเงินได้ด้วยตัวเองที่จุดบริเวณลานน้ำพุ เชิงสะพานมัฆวานรังสรรค์ ถนนราชดำเนินนอก ระหว่างวันที่ 20 ม.ค.- 3 ก.พ.นี้ เวลา 08.30-16.30 น. ทุกวัน ไม่เว้นวันหยุดราชการ ซึ่งตนอยากเชิญชวนประชาชนทุกคนได้มีส่วนร่วมในการบริจาคเงินช่วยเหลือชาวเฮ ติ ทั้งนี้ ในการประสานงานเพื่อดูแลเรื่องการช่วยเหลือในขั้นตอนต่อไปนั้น ครม.มอบหมายให้นายวีระชัย วีระเมธีกุล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นผู้ช่วยประสานงานด้วยเมื่อถามว่ากระทรวงการต่างประเทศรายงานเรื่องคนไทยที่อยู่ในเฮติด้วยหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่มีการรายงานเรื่องดังกล่าว เข้าใจว่าเรื่องการประสานงานกับคนไทยในช่วงที่ผ่านมา ยังไม่มีปัญหาอะไร ส่วนกรณีที่มีคนไทย 3 คนต้องการเดินทางกลับประเทศไทยนั้น กระทรวงการต่างประเทศกำลังประสานงานอยู่นายศุภชัย ใจสมุทร รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ก่อนเข้าสู่วาระการประชุม นายอภิสิทธิ์ได้หารือเกี่ยวกับแนวทางการช่วยเหลือเหตุธรณีพิบัติที่เฮติ ซึ่งที่ประชุม ครม.มีมติว่านอกจากการช่วยเหลือด้านการเงินแล้ว รัฐบาลไทยจะให้ความช่วยเหลือเพิ่มเติม เช่น การส่งข้าวจำนวน 2 หมื่นตัน แพทย์และช่างสำหรับการบูรณะ ฟื้นฟู ทั้งนี้ได้มอบให้นายวีระชัย วีระเมธีกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีและกระทรวงการต่างประเทศดำเนินการเกี่ยวกับการจัดตั้งศูนย์กลางรับการช่วยเหลือจากภาคเอกชนและประชาชนในประเทศเพื่อส่งให้ประเทศเฮติต่อไปนายศุภชัยกล่าวต่อว่ากระทรวงการต่างประเทศยังได้เสนอที่ประชุม ครม.โดยเห็นว่าครั้งที่ประเทศไทยประสบภัยสึนามิ ประเทศไทยได้รับความเห็นใจและความช่วยเหลือจากนานาประเทศ รวมทั้งองค์การสหประชาชาติ และองค์กรระหว่างประเทศในรูปแบบต่างๆอย่างกว้างขวาง ดังนั้นในกรณีของเฮตินั้น ประเทศไทยก็ควรเข้าร่วมกับนานาประเทศในการแสดงไมตรีจิต และให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่ผู้ประสบภัย จึงเสนอให้ ครม.อนุมัติ 1. การบริจาคเงินช่วยเหลือในนามประเทศไทยจากค่าใช้จ่ายการให้ความช่วยเหลือแก่มิตรประเทศที่ประสบภัยพิบัติของกระทรวงการต่างประเทศ วงเงิน 1 แสนเหรียญสหรัฐ ทั้งนี้ ครม.เคยมีมติเมื่อวันที่ 1 มิ.ย. 2536 อนุมัติหลักการและแนวทางการดำเนินการให้ความช่วยเหลือกับมิตรประเทศที่ประสบภัยพิบัติ ได้ในวงเงินไม่เกิน 1 ล้านบาท จึงขออนุมัติ ครม.ในการให้ช่วยเหลือเพิ่มเติมจากกรอบวงเงินที่หลักเกณฑ์กำหนดนายศุภชัย กล่าวว่า 2. ขอความเห็นชอบในหลักการให้กระทรวงการต่างประเทศหารือและประสานงานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาช่วยเหลือเพิ่มเติม ทั้ง อาหารสำเร็จรูป เวชภัณฑ์ การส่งคณะแพทย์และความช่วยเหลืออื่นๆตามความจำเป็นและเหมาะสมทั้งทางด้านกายภาพและงบประมาณ โดยขอเบิกจ่ายค่าใช้จ่ายจากงบกลางรายการสำรองจ่ายกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น 3. ขอขยายวงเงินงบประมาณสำหรับความช่วยเหลือแก่มิตรประเทศที่ประสบภัยพิบัติของกระทรวงการต่างประเทศ จาก 10 ล้านบาท เป็น 30 ล้านบาท ในปี 2554 และให้สามารถเพิ่มการให้ความช่วยเหลือแก่ประเทศต่างๆได้มากขึ้นอย่างทันท่วงทีสำหรับประชาชนที่ต้องการร่วมบริจาคสามารถบริจาคได้ที่ธนาคารกรุงไทย บัญชีออมทรัพย์ " รวมน้ำใจชาวไทยช่วยผู้ประสบภัยเฮติ " สาขาย่อยทำเนียบรัฐบาล เลขที่บัญชี 067-0-05765-7"อภิสิทธิ์"หงุดหงิดโดนด่าบ่นตามระเบียบช่วยได้แค่2หมื่นเหรียญแหล่งข่าวทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยว่า ในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีได้มีการหารือถึงการช่วยเหลือผู้ประสบภัยแผ่นดินไหวที่ประเทศเฮติกันอย่างกว้างขวาง ใช้เวลากว่า 20 นาที โดยรัฐมนตรีหลายคน แสดงความเป็นห่วงในชะตากรรมของประชาชนชาวเฮติ โดยช่วงหนึ่งนายอภิสิทธิ์ได้ชี้แจงเหตุที่ในตอนแรกอนุมัติเงินให้เพียง 2 หมื่นเหรียญสหรัฐ เนื่องจากระเบียบราชการกำหนดไว้ให้จ่ายได้เท่านั้น แต่หลังจากนี้จะช่วยได้อีก 1 แสนเหรียญ พร้อมกับให้ความช่วยเหลือในด้านอื่นๆไปด้วย ซึ่งก็ต้องขึ้นอยู่กับทางเฮติว่าต้องการอะไรบ้าง ขณะที่นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ ชี้แจงว่าขณะนี้กระทรวงได้ประสานงานเพื่อช่วยเหลือชาวเฮติโดยผ่าน 3 ช่องทางด้วยกัน คือ 1 .ศูนย์อำนวยการขององค์การสหประชาชาติในเฮติ 2 .กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ กรุงวอชิงตัน และ 3 .สถานทูตไทยในประเทศแม็กซิโก"นายกรัฐมนตรี บอกว่าได้สั่งการให้หน่วยงานต่างๆให้ความช่วยเหลือเฮติ ไปมากแล้ว แต่ประชาชนยังไม่รู้ว่ารัฐบาลทำอะไรไปบ้าง ขณะนี้ยังมีบริษัท ห้างร้าน ภาคเอกชนจำนวนมากที่ไม่ต้องการบริจาคผ่านช่องทางอื่น แต่อยากจะผ่านรัฐบาลมากกว่า ในช่วงนั้นเองนายสุวิทย์ คุณกิตติ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้เสนอตัวเป็นหัวหน้าทีมในการดำเนินการ อาจจะเห็นว่าเป็นงานที่ได้หน้า สร้างผลงานได้ง่าย แต่นายกฯไม่อนุมัติ กลับมอบหมายให้นายวีระชัย วีระเมธีกุล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นตัวกลางในการประสานภาคเอกชนทุกส่วนระดมความช่วยเหลือชาวเฮติแทน " แหล่งข่าว กล่าวรมว.สธ.เตรียมส่งทีมแพทย์4ทีมช่วยเหลือเฮตินายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่ประเทศเฮติ ว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรีวันนี้ ได้มีมติให้ส่งความช่วยเหลือไปยังประเทศเฮติ ทั้งหน่วยแพทย์ หน่วยช่าง ในส่วนของกระทรวงสาธารณสุข ได้เตรียมความพร้อมการให้ความช่วยเหลือด้านการแพทย์และสาธารณสุขทั้งหมดแล้ว โดยประชุมร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศในเบื้องต้น ได้เตรียมทีมแพทย์ พยาบาลไว้แล้วทั้งหมด 4 ทีม ทีมละ 5-8 คน พร้อมยาและเวชภัณฑ์ที่จำเป็น จะเน้นทั้งการรักษาพยาบาลผู้บาดเจ็บ และการควบคุมโรคซึ่งมีความสำคัญมากในขณะนี้ เนื่องจากเกิดเหตุการณ์มากว่า 1 สัปดาห์ ได้รับความเสียหายอย่างหนัก มีศพผู้เสียชีวิตตามสถานที่ต่าง ๆ จำนวนมาก จึงคาดการณ์ว่าแนวโน้มอาจเกิดโรคระบาดตามมาสูงนายจุรินทร์กล่าวต่อว่า การปฏิบัติงานครั้งนี้ จะคัดเลือกแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการรักษา อาทิ ศัลยแพทย์ จากโรงพยาบาลศูนย์ 4 แห่ง คือ โรงพยาบาลพระนั่งเกล้า โรงพยาบาลศูนย์ขอนแก่น โรงพยาบาลศูนย์นครปฐม และโรงพยาบาลศูนย์ราชบุรี และผู้เชี่ยวชาญด้านการควบคุมโรคจากกรมควบคุมโรค พร้อมเดินทางไปปฏิบัติงานทันทีที่ได้รับการประสานงานจากกระทรวงการต่างประเทศ โดยทั้ง 4 ทีม จะผลัดเปลี่ยนกันไปปฏิบัติงานที่ประเทศเฮติตามระยะเวลาที่วางแผนไว้

แบดมินตัน

แบดมินตัน































แบดมินตัน เป็นกีฬาชนิดหนึ่ง ที่ใช้ไม้ตีลูก ลูกสำหรับใช้ตีนั้น เรียกกันมาช้านานว่า "ลูกขนไก่" เพราะสมัยก่อนกีฬานี้ใช้ขนของไก่มาติดกับลูกบอลทรงกลมขนาดเล็ก ปัจจุบันลูกขนไก่ผลิดจากขนเป็ดที่คัดแล้ว ลูกบอลทรงกลมขนาดเล็กที่ทำเป็นหัวลูกขนไก่ทำด้วยไม้คอร์ก ราคาลูกขนไก่ที่ใช้ในการแข่งขันจะอยู่ที่ประมาณลูกละ40-50บาท
กีฬาแบดมินตันจะแบ่งผู้เล่นออกเป็น 2 ฝ่าย และแบ่งการแล่นออกเป็น 2 ประเภท คือ "ประเภทเดี่ยว" แบ่งผู้เล่นออกเป็นฝ่ายละ 1 คน และ "ประเภทคู่" แบ่งผู้เล่นออกเป็นฝ่ายละ 2 คน การเล่นรอบหนึ่งเรียกว่า 1 แมทช์ แมทช์ละ 3 เกม

บางคนเรียกเซ็ท) ตัดสินแพ้ชนะ2ใน3เกม มีกำหนดคะแนนสูงสุด 21 คะแนน ฝ่ายใดทำคะแนนได้ถึง 21 คะแนน







การเล่น
กติกาเบื้องต้น
1.การออกนอกเส้น มีการกำหนดเส้นออกแต่งต่างกันในกรณีเล่นเดี่ยวและเล่นคู่
2.การเสิร์ฟลูก ตามกติกา ที่ถูกต้อง คือ
1.หัวไม้ขณะสัมผัสลูกต้องต่ำกว่าข้อมืออย่างเห็นได้ชัด
2.หัวไม้ขณะสัมผัสลูกต้องต่ำกว่าเอวอย่างเห็นได้ชัด
3.ผู้เล่นต้องไม่ถ่วงเวลา หรือเสริฟช้า หรือเสริฟ 2 จังหวะ การเสริฟ ต้องเสริฟไปด้วยจังหวะเดียว
4.ขณะเสิร์ฟ ส่วนใดส่วนหนึ่งของเท้าทั้ง 2 ข้างต้องสัมผัสพื้นตลอดเวลา
5.การเสิร์ฟลูกที่ถูกต้อง ต้องให้แร็กเก็ตสัมผัสกับหัวลูกก่อน หากโดนขนก่อนถือว่าผิดกติกา
3.ขณะตีลูกโต้กัน ห้ามนำส่วนหนึ่งส่วนใดของร่างกายหรือไม้แบดไปสัมผัสกับเน็ท
4.ห้ามตีลูกที่ฝั่งตรงข้ามโต้กลับมาในขณะที่ลูกยังไม่ข้ามเน็ทมายังแดนเรา(Over net)

การดิวส์
หากผู้เล่นทั้งสองฝ่ายทำคะแนนได้เท่ากันในคะแนนที่ 20 จะมีการเล่นต่อ จนกว่าว่าจะมีคะแนนมากกว่าฝ่ายตรงข้าม 2 คะแนน แต่ถ้ายังไม่สามารถทำคะแนนห่างกัน 2 แต้มได้ จะเล่นต่อไปเรื่อยๆ แต่ เมื่อแต้มได้ 29 เท่ากัน ใครที่ทำได้แต้ม 30 ก่อนจะเป็นฝ่ายชนะ































































วันพุธที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2553

เพลง




I always needed time on my ownI never thought I'd need you there when I cryAnd the days feel like years when I'm aloneAnd the bed where you lie is made up on your side
When you walk away I count the steps that you takeDo you see how much I need you right now
When you're goneThe pieces of my heart are missing youWhen you're goneThe face I came to know is missing tooWhen you're goneThe words I need to hear to always get me through the day and make it okI miss you
I've never felt this way beforeEverything that I do reminds me of youAnd the clothes you left, they lie on the floorAnd they smell just like you, I love the things that you do
When you walk away I count the steps that you takeDo you see how much I need you right now

We were made for each otherOut here foreverI know we were, yeahAll I ever wanted was for you to knowEverything I'd do, I'd give my heart and soulI can hardly breathe I need to feel you here with me, yeah

แปล

ฉัน เคย ต้องการ เวลา ของ ฉัน เองฉัน ไม่ เคย คิด ว่า ฉัน ต้องการ ให้ คุณ มี เมื่อ ฉัน ร้องไห้และ วัน ที่ รู้สึก เหมือน ปี เมื่อ ฉัน อยู่ คน เดียวและ เตียง ที่ คุณ นอน จะ ทำ ใน ด้าน ของ คุณเมื่อ คุณ เดิน ไป ฉัน นับ ขั้น ตอน ที่ คุณ ใช้คุณ เห็น เท่าใด ฉัน ต้องการ คุณ ตอน นี้เมื่อ คุณ ไปชิ้น ของ หัวใจ ของ ฉัน หาย ไป คุณเมื่อ คุณ ไปหน้า ผม มา ทราบ หาย ไป ด้วยเมื่อ คุณ ไปคำ ที่ ฉัน ต้องการ ได้ยิน ให้ ได้ เสมอ ฉัน ผ่าน วัน และ ให้ ตกลงฉัน คิดถึง เธอฉัน ไม่ เคย รู้สึก อย่าง นี้ มา ก่อนทุก อย่าง ที่ ฉัน จะ แจ้ง เตือน ฉัน ของ คุณและ เสื้อผ้า ที่ คุณ ทิ้ง พวก เขา นอน บน พื้นและ พวก เขา กลิ่น เช่น คุณ ฉัน รัก สิ่ง ที่ คุณ ทำเมื่อ คุณ เดิน ไป ฉัน นับ ขั้น ตอน ที่ คุณ ใช้คุณ เห็น เท่าใด ฉัน ต้องการ คุณ ตอน นี้เรา ทำ เพื่อ กันและกันที่ นี่ ตลอด ไปฉัน รู้ เรา, อือทั้งหมด ฉัน เคย ต้องการ คือ ให้ คุณ รู้ทุก สิ่ง ที่ ฉัน ทำ ฉัน ต้องการ ให้ ชีวิต จิตใจ ของ ฉันฉัน แทบ จะ ไม่ สามารถ หายใจ ฉัน ต้อง รู้สึก ว่า ที่ นี่ กับ ฉัน จ้ะ

มหาลัย

มหาวิทยาลัยศิลปากร






มหาวิทยาลัยศิลปากรเป็นมหาวิทยาลัยในประเทศไทย มีชื่อเสียงทางด้านศิลปกรรม สถาปัตยกรรม และโบราณคดี ปัจจุบัน เปิดสอนครอบคลุมทุกสาขาวิชา ทั้งวิทยาศาสตร์ วิศวกรรมศาสตร์ มนุษยศาสตร์ วิทยาศาสตร์สุขภาพ และเกษตรศาสตร์
ชื่อ "ศิลปากร" นั้นมาจากการที่
พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาวชิราวุธ พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวมีพระบรมราชโองการ ณ วันที่ 27 มีนาคม ร.ศ.130 ว่า “...(ให้) แยกการช่างที่เป็นประณีตศิลปไว้ส่วนหนึ่ง แลให้ยกกรมพิพิธภัณฑ์จากกระทรวงธรรมการ มารวมกันตั้งขึ้นเป็น ‘กรมศิลปากร‘ มีผู้บัญชาการกรมขึ้นตรงต่อพระเจ้าแผ่นดิน



มหาวิทยาลัยศิลปากร เดิมคือ โรงเรียนปราณีตศิลปกรรม สังกัดกรมศิลปากร ท่านศาสตราจารย์
ศิลป์ พีระศรี (เดิมชื่อ Corrado Feroci) ชาวอิตาเลียน ซึ่งเดินทางมารับราชการในประเทศไทย ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ร่วมกับคุณพระสาโรช รัชตมินมานก์ (สาโรช สุขยางค์) ท่านทั้งสองได้ก่อตั้งโรงเรียนปราณีตศิลปกรรมขึ้นในปีพ.ศ. 2476 ใช้พื้นที่วังกลาง และวังตะวันออก หน้าพระบรมมหาราชวังเป็นที่ตั้งของโรงเรียนแห่งนี้ เปิดสอนให้แก่ข้าราชการและนักเรียนในสมัยนั้นโดยไม่เก็บค่าเล่าเรียน ต่อมาปีพ.ศ. 2478 ได้รวมเอาโรงเรียนนาฏยดุริยางคศาสตร์ ที่ตั้งอยู่วังหน้าไว้ด้วย และเปลี่ยนชื่อใหม่ว่า “โรงเรียนศิลปากร”
โรงเรียนศิลปากรได้เจริญเติบโตเป็นลำดับเรื่อยมา จนกระทั่ง
พระยาอนุมานราชธนร่วมกับอาจารย์ศิลป์ พัฒนาหลักสูตรจนได้รับการยกฐานะขึ้นเป็น มหาวิทยาลัยศิลปากร เมื่อวันที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2486 [2]จัดตั้ง คณะจิตรกรรมและประติมากรรม ขึ้นเป็นคณะวิชาแรก (ปัจจุบันคือคณะจิตรกรรมประติมากรรมและภาพพิมพ์) ในปี พ.ศ. 2498 อาจารย์ศิลป์ผลักดันให้เกิดคณะวิชาใหม่ คือ คณะสถาปัตยกรรมไทยซึ่งมี พระพรหมพิจิตร (อู๋ ลาภานนท์) เป็นผู้ก่อตั้ง (ซึ่งต่อมาได้ปรับหลักสูตรและเปลี่ยนชื่อเป็น คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์) คณะโบราณคดี วางรากฐานโดยหลวงบริบาล บุรีภัณฑ์ และต่อมาจึงมี คณะมัณฑนศิลป์ ซึ่งแยกตัวออกมาจากคณะจิตรกรรมฯ จากนั้นได้ขยายพื้นที่มหาวิทยาลัยโดยได้จัดซื้อที่ดินวังท่าพระซึ่งอยู่ติดกับที่ตั้งเดิมจากทายาทสมเด็จฯ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์
ต่อมาเมื่อผู้แทนขององค์การศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมของสหประชาชาติได้ให้คำแนะนำในการจัดตั้ง สถาบันอุดมศึกษาในประเทศไทยให้มีลักษณะสอดคล้องกับหลักการสากล คณะรัฐมนตรีได้พิจารณาโครงการปรับปรุงมหาวิทยาลัยศิลปากร เพื่อขยายการศึกษาวิชาต่าง ๆ โดยไม่จำกัดเฉพาะศิลปะและโบราณคดีเท่านั้น ศาสตราจารย์ หม่อมหลวงปิ่น มาลากุล ซึ่งขณะนั้นดำรงตำแหน่งอธิการบดีมหาวิทยาลัยศิลปากร จึงได้ ดำเนินการจัดตั้งคณะอักษรศาสตร์ขึ้นเป็นคณะวิชาลำดับที่ 5 และเป็นคณะวิชาแรกของวิทยาเขตแห่งใหม่ คือ วิทยาเขตพระราชวังสนามจันทร์ ณ จังหวัดนครปฐม โดยเริ่มเปิดสอนนักศึกษารุ่นแรก เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2511 และคณะอักษรศาสตร์ได้ถือวันดังกล่าวเป็นวันสถาปนาคณะฯ ตลอดมา




ตราสัญลักษณ์
พระพิฆเนศวร เทพเจ้าแห่งศิลปวิทยาการและการประพันธ์ประทับบนเมฆ พระหัตถ์ขวาบนถือตรีศูล พระหัตถ์ขวาล่างถืองาช้าง พระหัตถ์ซ้ายบนถือปาศะ (เชือก) พระหัตถ์ซ้ายล่างถือครอบน้ำ ประทับบนลวดลายกนก ภายใต้มีอักษรว่า "มหาวิทยาลัยศิลปากร" ประกาศใช้เมื่อ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2494 สีประจำมหาวิทยาลัย
เขียวเวอร์ริเดียน เป็นสีของน้ำทะเลระดับลึกที่สุดเพลงประจำมหาวิทยาลัย
Santa Lucia เป็นเพลงพื้นเมืองของประเทศอิตาลี แต่งขึ้นในราวศตวรรษที่ 19 เป็นบทเพลงที่แต่งขึ้นเพื่อชมความงามของชายหาดที่มีชื่อเสียงของเมืองเนเปิลส์ นอกจากนี้ เพลง Santa Lucia ยังเป็นเพลงประจำมหาวิทยาลัยศิลปากรอีกด้วย สืบเนื่องจาก ศาสตราจารย์ ศิลป์ พีระศรี ผู้ก่อตั้งมหาวิทยาลัยศิลปากร ท่านเป็นชาวอิตาลี ซึ่งมีชื่อเดิมว่า คอร์ราโด เฟโรชี (Corrado Feroci) และชอบร้องเพลงนี้บ่อย ๆ เวลาทำงาน หลังจากนั้น คณะจิตรกรรมประติมากรรมและภาพพิมพ์ ได้นำทำนองเพลงนี้ มาใส่เนื้อร้องภาษาไทย โดยใช้ชื่อเพลงว่า "ศิลปากรนิยม"


คณะวิชา
คณะจิตรกรรมประติมากรรมและภาพพิมพ์ เว็บเปิดสอนในหลักสูตรปริญญาศิลปบัณฑิต (ศป.บ) หลักสูตรการศึกษา 5 ปี ใน 5 สาขาวิชาคือ สาขาวิชาจิตรกรรม,สาขาวิชาประติมากรรม,สาขาวิชาภาพพิมพ์,สาขาวิชาศิลปไทย และสาขาวิชาทฤษฎีศิลป์
คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ เว็บเปิดสอนในหลักสูตรปริญญาสถาปัตยกรรมศาสตรบัณฑิต (สถ.บ.) หลักสูตรการศึกษา 5 ปี ใน 2 สาขาวิชาคือ สาขาวิชาสถาปัตยกรรม และสาขาวิชาสถาปัตยกรรมไทย
คณะโบราณคดี เปิดสอนในหลักสูตรปริญญาศิลปศาสตรบัณฑิต (ศศ.บ.) หลักสูตรการศึกษา 4 ปีใน 7 สาขาวิชาคือ สาขาวิชาโบราณคดี,สาขาวิชาประวัติศาสตร์ศิลปะ,สาขาวิชามานุษยวิทยา,สาขาวิชาภาษาไทย,สาขาวิชาภาษาตะวันออก (ภาษาบาลี-สันสกฤต-เขมร),สาขาวิชาภาษาอังกฤษและสาขาวิชาภาษาฝรั่งเศส
คณะมัณฑนศิลป์
เปิดสอนในหลักสูตรศิลปบัณฑิต(ศ.บ.) หลักสูตรการศึกษา 4 ปี ใน 7 สาขาวิชาคือ สาขาวิชาการออกแบบภายใน,สาขาวิชาการออกแบบผลิตภัณฑ์,สาขาวิชาการออกแบบนิเทศศิลป์,สาขาวิชาการออกแบบเครื่องประดับ,สาขาวิชาการออกแบบเครื่องเคลือบดินเผา,สาขาวิชาประยุกต์ศิลปศึกษาและสาขาวิชาการออกแบบเครื่องแต่งกาย
คณะอักษรศาสตร์ เปิดสอนในหลักสูตรปริญญาอักษรศาสตรบัณฑิต (อ.บ.) หลักสูตรการศึกษา ๔ ปี ใน 15 สาขาวิชาเอกคือ สาขาวิชาภาษาไทย, สาขาวิชาภาษาอังกฤษ, สาขาวิชาภาษาฝรั่งเศส, สาขาวิชาภาษาเยอรมัน, สาขาวิชาภาษาญี่ปุ่น, สาขาวิชาภาษาจีน, สาขาวิชาภาษาเกาหลี, สาขาวิชาประวัติศาสตร์, สาขาวิชาภูมิศาสตร์, สาขาวิชาสังคมศาสตร์การพัฒนา, สาขาวิชานาฏศาสตร์(การละคร), สาขาวิชาปรัชญา, สาขาวิชาสังคีตศิลป์ไทย, สาขาวิชาสารสนเทศศาสตร์และบรรณารักษศาสตร์ สาขาวิชาเอเชียศึกษา
คณะศึกษาศาสตร์ เว็บ เปิดสอนใน 3 หลักสูตรคือ
หลักสูตรปริญญาวิทยาศาสตรบัณฑิต (วท.บ.) หลักสูตรการศึกษา 4 ปี สาขาวิชาวิทยาศาสตร์การกีฬา
หลักสูตรปริญญาศึกษาศาสตรบัณฑิต (ศษ.บ.) หลักสูตรการศึกษา 4 ปี
สาขาวิชาการศึกษาตลอดชีวิต,สาขาวิชาเทคโนโลยีการศึกษา
หลักสูตรปริญญาศิลปศาสตรบัณฑิต (ศศ.บ.) หลักสูตรการศึกษา 4 ปี สาขาวิชาจิตวิทยา
หลักสูตรปริญญาศึกษาศาสตรบัณฑิต (ศษ.บ.) หลักสูตรการศึกษา 5 ปี สาขาวิชาภาษาไทย, สาขาวิชาภาษาอังกฤษ, สาขาวิชาสังคมศึกษา, สาขาวิชาการศึกษาปฐมวัย, สาขาวิชาการประถมศึกษาและสาขาวิชาการสอนภาษาจีนในฐานะภาษาต่างประเทศ (โครงการพิเศษ)
คณะวิทยาศาสตร์
เปิดสอนในหลักสูตรปริญญาวิทยาศาสตร์บัณฑิต (วท.บ.) หลักสูตรการศึกษา 4 ปี ใน 10 สาขาวิชาเอก คือ สาขาคณิตศาสตร์ สาขาชีววิทยา สาขาเคมี สาขาฟิสิกส์ สาขาสถิติ สาขาจุลชีววิทยา สาขาวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อม(เปิดเป็นที่แรกในประเทศไทย)สาขาวิทยาการคอมพิวเตอร์ สาขาเทคโนโลยีสารสนเทศ และสาขาคณิตศาสตร์ประยุกต์
คณะเภสัชศาสตร์เปิดสอนในหลักสูตรเภสัชศาสตรบัณฑิต (ภ.บ.) หลักสูตรการศึกษา 5 ปี และ 6 ปี
คณะสัตวศาสตร์และเทคโนโลยีการเกษตร
เปิดสอนในหลักสูตรปริญญาวิทยาศาสตร์บัณฑิต (วท.บ.) หลักสูตรการศึกษา 4 ปี ใน 3 สาขาวิชาเอกคือ สาชาวิชาสัตวศาสตร์และเทคโนโลยีการเกษตร,สาขาวิชาเทคโนโลยีการผลิตพืช และสาขาวิชาเทคโนโลยีการผลิตสัตว์
คณะเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
หลักสูตรปริญญาวิทยาศาสตรบัณฑิต (วท.บ.) หลักสูตรการศึกษา 4 ปี สาขาวิชาเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อธุรกิจ
หลักสูตรปริญญาวิทยาศาสตรบัณฑิต (วท.บ.) หลักสูตรการศึกษา 4 ปี สาขาเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการออกแบบ โดยแบ่งเป็น 3 สายวิชาคือ เอกเว็บ เอกแอนิเมชั่น และ เอกเกมส์ โดยจะแยกเอกในชั้นปีที่ 3
หลักสูตรปริญญานิเทศศาสตร์บัณฑิต (นศ.บ.) หลักสูตรการศึกษา 4 ปี สาขานิเทศศาสตร์ โดยแบ่งเป็น 5 สายวิชาคือ สายวิชาการโฆษณา,สายวิชาการลูกค้าสัมพันธ์,สายวิชาวิทยุและโทรทัศน์,สายวิชาภาพยนตร์และสายวิชาวารสารและสิ่งพิมพ์
คณะวิศวกรรมศาสตร์และเทคโนโลยีอุตสาหกรรม เว็บ เปิดสอนใน 3 หลักสูตรคือ
หลักสูตรวิทยาศาสตรบัณฑิต (วท.บ.) หลักสูตรการศึกษา 4 ปี ในสาขาวิชาเทคโนโลยีอาหาร, สาขาวิชาเทคโนโลยีชีวภาพ, สาขาวิชาพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหาร
หลักสูตรเทคโนโลยีบัณฑิต หลักสูตรการศึกษา 4 ปี ในสาขาวิชาธุรกิจวิศวกรรม
หลักสูตรวิศวกรรมศาสตรบัณฑิต (วศ.บ.) หลักสูตรการศึกษา 4 ปี ในสาขาวิชา สาขาวิชาปิโตรเคมีและวัสดุพอลิเมอร์, สาขาวิชาวิศวกรรมอุตสาหการ, สาขาวิชาวิศวกรรมเคมี, สาขาวิชาวิศวกรรมเครื่องกล, สาขาวิชา
วิศวกรรมการจัดการและโลจิสติกส์, สาขาวิชาวัสดุขั้นสูงและนาโนเทคโนโลยี, สาขาวิชาวิศวกรรมกระบวนการชีวภาพ และสาขาวิชาวิศวกรรมอิเล็กทรอนิกส์และระบบคอมพิวเตอร์
คณะดุริยางคศาสตร์ [1] เปิดสอนในหลักสูตรดุริยางคศาสตรบัณฑิต (ดศ.บ.) หลักสูตรการศึกษา 4 ปี ใน 3 สาขาวิชาคือ การแสดงดนตรี,ดนตรีแจ๊ส และดนตรีเชิงพาณิชย์
คณะวิทยาการจัดการ [2] เปิดสอนในหลักสูตรศิลปศาสตรบัณฑิตใน 7 สาขาวิชาคือ
หลักสูตรปริญญาศิลปศาสตรบัณฑิต (ศศ.บ.) หลักสูตรการศึกษา 4 ปี ใน 3 สาขาวิชาคือ สาขาวิชาการจัดการธุรกิจทั่วไป, สาขาวิชาการจัดการการท่องเที่ยว และสาขาวิชาการจัดการชุมชน
หลักสูตรปริญญาบริหารธุรกิจบัณฑิต (บธ.บ.) หลักสูตรการศึกษา 4 ปี ใน 3 สาขาวิชาคือ สาขาวิชาการตลาด,สาขาวิชาการจัดการธุรกิจและภาษาอังกฤษ และสาขาวิชาการจัดการโรงแรมและที่พัก
หลักสูตรปริญญารัฐประศาสนศาสตรบัณฑิต (รป.บ.)หลักสูตรการศึกษา 4 ปี ในสาขาวิชารัฐประศาสนศาสตร์
วิทยาลัยนานาชาติ มหาวิทยาลัยศิลปากร (Silpakorn University International College or SUIC) [3] เปิดสอน ระดับปริญญาตรี 2 หลักสูตร และ ระดับปริญญาโท 2 หลักสูตร
Bachelor of Business Administration in Hotel Management (BBA) หลักสูตร 4 ปี (การจัดการโรงแรม) ร่วมกับ Institut Vatel (France) , (Double Degree)
Bachelor of Fine Arts in Multimedia Design (BFA) หลักสูตร 4 ปี (ออกแบบสื่อผสม) ร่วมกับ Birmingham Institute of Art and Design (BIAD) , England , (Double Degree)
Master of Business Administration in Hotel and Tourism Management (MBA) หลักสูตร 2 ปี (การจัดการโรงแรมและท่องเที่ยว) ร่วมกับ University de Perpignan (France) , (Double Degree)
Master of Business Administration in International Business (MBA) หลักสูตร 2 ปี (ธุรกิจระหว่างประเทศ) ร่วมกับ University of Technology Sydney (UTS) สำหรับ Study Tour
บัณฑิตวิทยาลัย เปิดสอนในหลักสูตรปริญญาโทและปริญญาเอกดังนี้
หลักสูตรปริญญาศิลปมหาบัณฑิต คณะจิตรกรรมประติมากรรมและภาพพิมพ์ ใน 5 สาขาวิชาคือ สาขาวิชาจิตรกรรม,ประติมากรรม,ภาพพิมพ์,ศิลปไทย และทฤษฎีศิลป์
หลักสูตรปริญญาปรัชญาดุษฎีบัณฑิต คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ ใน สาขาวิชาการจัดการมรดกทางสถาปัตยกรรมกับการท่องเที่ยว ( หลักสูตรนานาชาติ )
หลักสูตรปริญญาสถาปัตยกรรมศาสตรมหาบัณฑิต คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ ใน 4 สาขาวิชาคือ สาขาวิชาการออกแบบชุมชนเมือง,สถาปัตยกรรม ,สถาปัตยกรรมไทย และสถาปัตยกรรมพื้นถิ่น
หลักสูตรปริญญาศิลปศาสตรมหาบัณฑิต คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ ใน 2 สาขาวิชาคือ สาขาวิชาประวัติศาสตร์สถาปัตยกรรมและการจัดการมรดกทางสถาปัตยกรรมกับการท่องเที่ยว ( หลักสูตรนานาชาติ )
หลักสูตรปริญญาวิทยาศาสตรมหาบัณฑิต คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ ใน 2 สาขาวิชาคือ สาขาวิชาการจัดการโครงการก่อสร้าง และคอมพิวเตอร์เพื่อการออกแบบทางสถาปัตยกรรม
หลักสูตรปริญญาการวางผังเมืองชุมชนและสิ่งแวดล้อมมหาบัณฑิต คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ ใน สาขาการวางผังเมืองชุมชนและสิ่งแวดล้อม
หลักสูตรปริญญาภูมิสถาปัตยกรรมศาสตรมหาบัณฑิต คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ ในสาขาวิชาภูมิสถาปัตย์
หลักสูตรปริญญาศิลปศาสตรดุษฎีบัณฑิต คณะโบราณคดีใน 4 สาขาวิชาคือ สาขาวิชาโบราณคดีสมัยประวัติศาสตร์,ภาษาเขมร,ภาษาสันสกฤต และประวัติศาสตร์ศิลปะไทย
หลักสูตรปริญญาศิลปศาสตรมหาบัณฑิต คณะโบราณคดีใน 11 สาขาวิชาคือ สาขาวิชาโบราณคดีสมัยประวัติศาสตร์,โบราณคดีสมัยก่อนประวัติศาสตร์ ,จารึกภาษาไทย,จารึกภาษาตะวันออก,เขมรศึกษา,ภาษาสันสกฤต,การจัดการจดหมายเหตุและเอกสาร,ประวัติศาสตร์ศิลปะ, มานุษยวิทยา,ภาษาฝรั่งเศสเพื่อการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม,ภาษาและการสื่อสารระหว่างวัฒนธรรม และการจัดการทรัพยากรวัฒนธรรม
หลักสูตรปริญญาปรัชญาดุษฎีบัณฑิต คณะมัณฑนศิลป์ ใน สาขาวิชาศิลปะและการออกแบบ (หลักสูตรนานาชาติ)
หลักสูตรปริญญาศิลปมหาบัณฑิต คณะมัณฑนศิลป์ ใน 4 สาขาวิชาคือ สาขาวิชาการออกแบบนิเทศศิลป์,การออกแบบภายใน,ประยุกตศิลปศึกษา และเครื่องเคลือบดินเผา
หลักสูตรปริญญาอักษรศาสตรดุษฎีบัณฑิต คณะอักษรศาสตร์ ใน สาขาวิชาภาษาไทย
หลักสูตรปริญญาอักษรศาสตรมหาบัณฑิต คณะอักษรศาสตร์ ใน 5 สาขาวิชาคือ ภาษาไทยเพื่อการพัฒนาอาชีพ,ประวัติศาสตร์เอเชียตะวันออกเฉียงใต้,ประวัติศาสตร์ศึกษา,ภาษาไทย และฝรั่งเศสศึกษา
หลักสูตรปริญญาศิลปศาสตรมหาบัณฑิต คณะอักษรศาสตร์ ในสาขาวิชาภูมิศาสตร์อุตสาหกรรม
หลักสูตรปริญญาปรัชญาดุษฎีบัณฑิต คณะศึกษาศาสตร์ ใน 4 สาขาวิชาคือ สาขาวิชาการบริหารการศึกษา,การศึกษาตลอดชีวิตและการพัฒนามนุษย์,หลักสูตร และการสอนและพัฒนศึกษา
หลักสูตรปริญญาศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต คณะศึกษาศาสตร์ใน 10 สาขาวิชา คือ สาขาวิชาการบริหารการศึกษา,การศึกษาตลอดชีวิตและการพัฒนามนุษย์,หลักสูตรและการนิเทศ,การสอนภาษาอังกฤษในฐานะภาษาต่างประเทศ,การสอนภาษาไทย,การสอนสังคมศึกษา,จิตวิทยาชุมชน,จิตวิทยาการศึกษาพิเศษ,เทคโนโลยีการศึกษา และพัฒนศึกษา
หลักสูตรปริญญาปรัชญาดุษฎีบัณฑิต คณะวิทยาศาสตร์ ใน 6 สาขาวิชาคือ สาขาวิชาเคมีอินทรีย์,ฟิสิกส์,คณิตศาสตร์(นานาชาติ,ชีววิทยา,จุลชีววิทยา และวิทยาการคอมพิวเตอร์และสารสนเทศ
หลักสูตรปริญญาวิทยาศาสตรมหาบัณฑิต คณะวิทยาศาสตร์ใน 12 สาขาวิชา คือ สาขาวิชาเคมีศึกษา,เคมีอินทรีย์,เคมีวิเคราะห์,ฟิสิกส์,ชีววิทยา,จุลชีววิทยา,สถิติประยุกต์,คณิตศาสตร์,คณิตศาสตร์และเทคโนโลยีสารสนเทศ,วิทยาการคอมพิวเตอร์และสารสนเทศ ,วิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อม และนิติวิทยาศาสตร์
หลักสูตรปริญญาเภสัชศาสตรดุษฎีบัณฑิต คณะเภสัชศาสตร์ ใน 4 สาขาวิชาคือ สาขาวิชาเภสัชศาสตร์ชีวภาพ,เภสัชเคมีและผลิตภัณฑ์ธรรมชาติ,เทคโนโลยีเภสัชกรรม และเภสัชศาสตร์สังคมและการบริหาร
หลักสูตรปริญญาเภสัชศาสตรมหาบัณฑิต คณะเภสัชศาสตร์ ใน 9 สาขาวิชาคือ สาขาวิชาเภสัชกรรมคลินิก,การคุ้มครองผู้บริโภคด้านสาธารณสุข,เภสัชเคมี ,เภสัชเวท,เภสัชศาสตร์ชีวภาพ,เทคโนโลยีเภสัชกรรม,วิทยาการทางเภสัชศาสตร์,การจัดการทางเภสัชกรรม และสารสนเทศศาสตร์ทางสุขภาพ
หลักสูตรปริญญาวิทยาศาสตรมหาบัณฑิต คณะเภสัชศาสตร์ ใน 2 สาขาวิชาคือ นิติวิทยาศาสตร์ (หลักสูตรนานาชาติ)และวิทยาการสังคมและการจัดการระบบสุขภาพ
หลักสูตรปริญญาปรัชญาดุษฎีบัณฑิต คณะวิศวกรรมศาสตร์และเทคโนโลยีอุตสาหกรรม ในสาขาวิชาวิทยาการและวิศวกรรมพอลิเมอร์ (หลักสูตรนานาชาติ)
หลักสูตรปริญญาวิทยาศาสตรมหาบัณฑิต คณะวิศวกรรมศาสตร์และเทคโนโลยีอุตสาหกรรม ใน 3 สาขาวิชา วิทยาการและวิศวกรรมพอลิเมอร์,วิศวกรรมเคมี และการจัดการงานวิศวกรรม
หลักสูตรปริญญาวิทยาศาสตรมหาบัณฑิต คณะวิศวกรรมศาสตร์และเทคโนโลยีอุตสาหกรรม ใน 2 สาขาวิชาคือ สาขาวิชาเทคโนโลยีชีวภาพ และเทคโนโลยีอาหาร
หลักสูตรปริญญาดุริยางคศาสตรมหาบัณฑิต คณะดุริยางคศาสตร์ ในสาขาวิชาสังคีตวิจัยและพัฒนา
หลักสูตรปริญญาศิลปศาสตรมหาบัณฑิต คณะวิทยาการจัดการ ในสาขาวิชาการจัดการภาครัฐและเอกชน
หลักสูตรปริญญาบริหารธุรกิจมหาบัณฑิต คณะวิทยาการจัดการ ในสาขาวิชาการประกอบการ
หลักสูตรปริญญารัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต คณะวิทยาการจัดการ ในสาขาวิชารัฐประศานศาสตร์
หลักสูตรปริญญาบริหารธุรกิจมหาบัณฑิต วิทยาลัยนานาชาติ ใน 2 สาขาคือ สาขาวิชาการจัดการการโรงแรมและการท่องเที่ยว และธุรกิจระหว่างประเทศ
หลักสูตรปริญญาศิลปมหาบัณฑิต คณะจิตกรรมประติมากรรมและภาพพิมพ์ร่วมกับคณะศึกษาศาสตร์ ในสาขาวิชาทัศนศิลปศึกษา