เสื้อแดงเตรียมระดมคนชุมนุมณัฐวุฒิ เตรียมระดมคนชุมนุมสนามบิน สุวรรณภูมิ สัปดาห์หน้า ขณะที่ แกน นำขนเสื้อแดงบุก ดีเอสไอ กล่าวหา อภิ สิทธิ์-พีระพันธุ์ เจตนาถ่วงฎีกาอภัยโทษ ทักษิณ เปิดคลิปเสียง นพดล พิทักษ์วานิช อ้างเป็นเจ้าของพี่ดินเขายายเที่ยง ที่ตกเป็นของ สุรยุทธ์ แฉไม่เคยขายที่ดังกล่าว ระบุโอนลอยให้ พันเอก โดยไม่ได้เงินสักบาท ด้าน กมธ.เรียก อธิบดีป่าไม้แจง ระบุถ้าตรวจพบว่าผิด ต้องรื้อทรัพย์สินออกภายใน 30 วัน อริสมันต์ ขู่หากไม่ยอมออก เตรียมบุกบ้านองคมนตรี ผู้พิพากษา ส่วน วธ. แจ้งกองปราบฯ ดำเนินคดี บก.นสพ.ไทยเรดนิวส์ ไม่จดทะเบียนแจ้งการพิมพ์ ระบุมีโทษทั้งจำคุก 6 เดือน ปรับไม่เกินหมื่นบาท
* แจ้งจับ บก.นสพ.ไทยเรดนิวส์
เมื่อวันที่ 19 ม.ค. นายธีระ สลักเพชร รมว.วัฒนธรรม (วธ.) เปิดเผยว่า ตนได้รับรายงานจาก นางวิลาวัณย์ ทรัพย์พันแสน ผู้อำนวยการสำนักหอสมุดแห่งชาติ ว่า เมื่อวันที่ 14 ม.ค.ที่ผ่านมา สำนักหอสมุดแห่งชาติ กรมศิลปากร ได้ดำเนินการแจ้งความที่กองปราบปราม เพื่อดำเนินคดีกับ นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข บรรณาธิการผู้พิมพ์ ผู้โฆษณา หนังสือพิมพ์ไทยเรดนิวส์ กรณีหนังสือพิมพ์ฉบับดังกล่าวตีพิมพ์และ วางจำหน่าย โดยไม่ได้มีการยื่นขอจดทะเบียนการพิมพ์ตามมาตรา 11 ของ พ.ร.บ.จดแจ้งการพิมพ์ พ.ศ. 2550 ที่บัญญัติไว้ว่า หนังสือพิมพ์ซึ่งพิมพ์ขึ้นภายในราชอาณาจักร ต้องจดแจ้งการพิมพ์ตามบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัตินี้ เมื่อไม่ปฏิบัติตามมีโทษทางอาญา ในมาตรา 25 ผู้ใดออกหนังสือพิมพ์โดยพนักงานเจ้าหน้าที่ยังไม่ได้รับจดแจ้งตามมาตรา 11 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน ปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
นอกจากนี้ หนังสือพิมพ์ฉบับดังกล่าวยังกระทำความผิดในมาตรา 9 ซึ่งกำหนดว่า ให้ผู้พิมพ์ส่งสิ่งพิมพ์ตามมาตรา 8 จำนวน 2 ฉบับ ให้กับหอสมุดแห่งชาติ ภายใน 30 วัน นับตั้งแต่วันที่เผยแพร่ซึ่งขณะนี้ทางสำนักหอสมุดแห่งชาติยังไม่ได้รับหนังสือพิมพ์ดังกล่าว
นายเกรียงไกร สัมปัชชลิต อธิบดีกรมศิลปากร กล่าวว่า ภายหลังสำนักหอสมุดแห่งชาติ ได้ดำเนินการแจ้งความดำเนินคดีกับหนังสือพิมพ์ไทยเรดนิวส์แล้ว หลังจากนี้จะเป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ในการดำเนินการเรียกตัวบรรณาธิการมาสอบสวน และรับทราบข้อกล่าวหา ซึ่งตนเห็นว่าการดำเนินการดังกล่าวจะเป็นตัวอย่างของการเอาผิดกับหนังสือพิมพ์ และนิตยสารที่ไม่มาขอจดแจ้งการพิมพ์ และต่อจากนี้ ทางกรมศิลปากร จะมีการเข้มงวดในการตรวจสอบมากขึ้น
* ปลัดกห.ชี้เสื้อแดงจุดประเด็น
ที่ท่าอากาศยานทหารกองบิน 6 (บน.6) พล.อ.อภิชาต เพ็ญกิตติ ปลัดกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการเคลื่อนไหวของกลุ่มคนเสื้อแดง โดยเฉพาะการเดินทางเพื่อทวงถามความคืบหน้าการถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในวันที่ 20 ม.ค.นี้ว่า กลุ่มคนเสื้อแดงคงดำเนินการเพื่อตรวจสอบคำร้องเรียนของเขา ทั้งนี้ทางกองทัพไม่ได้เข้าไปเกี่ยวข้อง ส่วนความเหมาะสมนั้นคิดว่า ความถูกต้องก็จะต้องรอในการตรวจสอบก่อน ค่อยออกมาเคลื่อนไหว อย่างไรก็ตามการออกมากดดันองคมนตรี และสำนักราชเลขาธิการ นั้นคงพยายามจุดประเด็นเพื่อให้เกิดความวุ่นวายขึ้นมา เป็นสิ่งที่เขาพยายามดำเนินการเพื่อให้เป็นประเด็นปัญหา ในส่วนของกองทัพคงติดตามการเคลื่อนไหวของเขา
* เชื่อว่า 10 วันไม่ได้อันตราย
เมื่อถามว่า เป็นห่วงหรือไม่ว่าการเคลื่อนไหวครั้งนี้จะลุกลามบานปลายเหมือนในอดีต พล.อ.อภิชาต กล่าวว่า เข้าใจว่าคงไม่มีปัญหาอะไร หากไม่มีการดำเนินการอะไรที่เป็นประเด็นปัญหาขึ้นมา ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น เมื่อถามว่า มีการตั้งข้อสังเกตว่าใกล้ถึงวันพิพากษาคดียึดทรัพย์ 7.6 หมื่นล้านบาทของ พ.ต.ท.ทักษิณ อาจจะเกิดความรุนแรง พล.อ.อภิชาต กล่าวว่า ก็คงจะเป็นการวางแผนของเขา แต่ทางกองทัพก็คงติดตามความเคลื่อนไหวคงไม่ได้ทำอะไร ส่วนที่มีการระบุว่าระหว่างวันที่ 16-26 ก.พ.นี้ เป็นช่วง 10 วันอันตรายนั้นตนไม่ได้มองว่าเป็นอันตราย ถ้าเราไม่ได้ทำอะไร ให้เป็นเรื่องที่รุนแรงขึ้นมาก็ไม่มีปัญหาอะไร และเหตุการณ์ไม่น่าจะเลวร้ายแบบสงกรานต์ปีที่แล้ว เพราะช่วงเดือน เม.ย. เราก็มีบท เรียนอยู่แล้ว คงไม่ทำอะไรในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง และเราก็พยายามทำในสิ่งที่ถูกต้อง และไม่ให้เกิดปัญหาอะไรขึ้นมา
* ไม่แก้ปัญหาด้วยการปฏิวัติ
ผู้สื่อข่าวถามว่า มองคำพูดของ พ.ต.ท.ทักษิณ อย่างไรที่บอกว่าจะทำสงครามครั้งสุดท้าย พล.อ.อภิชาต กล่าวว่า สุดท้ายมาหลายครั้งแล้ว ไม่ต้องห่วงคงไม่มีประเด็นปัญหาที่ต้องห่วงใย ทางกองทัพ และตำรวจ ติดตามดูแลสถาน่แล้ว และทำทุกสิ่งทุกอย่างให้เรียบร้อย เท่าที่จะทำได้ เมื่อถามย้ำว่า กองทัพยืนยันได้หรือไม่ว่าจะไม่นำกำลังทหารออกมาแก้ไขปัญหาความวุ่นวายของบ้านเมืองด้วยการ ทำปฏิวัติรัฐประหาร พล.อ.อภิชาต กล่าว ว่า ยืนยันเต็มที่ว่ากองทัพไม่มีความคิดที่ จะนำกำลังทหารเข้ามาแก้ไขปัญหาด้วย การปฏิวัติ ในการแก้ไขปัญหาเรื่องการเมือง ฝ่ายการเมืองจะต้องแก้ไขปัญหาเอง ทั้ง นี้คิดว่าประชาชนส่วนใหญ่ไม่ต้องการให้ เกิดความวุ่นวาย ประชาชนอยากจะเห็นความสงบสุขของชาติบ้านเมืองมากกว่า ทั้งนี้ตนยืนยันว่าไม่น่าจะมีเหตุการณ์อะไรที่จะทำให้เกิดความวุ่นวาย หรือรุนแรงขึ้น ถึงแม้ว่าจะมีกลุ่มบุคคลบางกลุ่มที่พยายามสร้างสถานการณ์ หรือทำให้เกิดเหตุการณ์วุ่นวายขึ้นมามันคงไม่เป็นไปตามที่เขาต้องการ
* คนขายที่เขายายเที่ยงโผล่
ที่ห้างอิมพีเรียล ลาดพร้าว นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำ นปช. แถลงว่า เมื่อ 2 วันที่ผ่านมา ตนได้ไปคุยกับนายนพดล พิทักษ์วาณิช ผู้ซื้อที่ดินบนเขายายเที่ยง ต่อจาก นายเบ้า สินนอก หรือพระเบ้าใน ปัจจุบัน ซึ่งนายนพดลในอดีตเป็นนักธุรกิจคนสำคัญใน จ.นครราชสีมา ยุคที่ พล.อ. สุรยุทธ์ จุลานนท์ เป็นแม่ทัพ ภาค 2 แต่สภาพของนายนพดลวันนี้ต่างจากในอดีต เพราะต้องหลบซ่อน มีคนตามคุกคามทั้งที่บ้านพักและสถานที่ต่าง ๆ นายนพดลได้มาคุยกับตน และไม่ต้องการที่จะเปิดเผยตัว เพราะเกรงอันตราย โดยนายนพดลระบุว่าไม่มีการซื้อขายที่ดินดังกล่าว และไม่มีการชำระเงินแม้แต่บาทเดียว
* ระบุโอนลอยให้ พันเอก
หลังจากนั้น นายณัฐวุฒิ ได้เปิดคลิป เสียงบันทึกของนายนพดล โดยอ้างว่าได้รับการยินยอมให้บันทึกการสนทนาประมาณ 10 นาที ซึ่งในคลิปเป็นเสียงของชายคนหนึ่ง ที่ระบุว่าเป็นนายนพดล เจ้าของที่ดินบนเขายายเที่ยง โดยซื้อที่ดินต่อมาจาก นายเบ้า ในราคา 7 แสนบาท และถือครองมาเป็นเวลา 4 ปี ซึ่งในคลิปเสียงเป็นการสนทนาถามตอบระหว่าง นายณัฐวุฒิและนายนพดล โดยมีใจความสรุปว่า นายนพดล ประสบปัญหาเศรษฐกิจจากการทำโครงการหมู่บ้านจัดสรร และดำเนินการต่อไม่ได้ นอกจากนี้ยังมีโครงการใหญ่อีกโครงการ ซึ่งไม่มีใครอนุมัติ จึงหมดกำลังใจที่จะทำงานในประเทศไทย จึงคิดที่จะไปทำงานต่างประเทศ และได้เซ็นโอนลอยที่ดินดังกล่าวให้ พันเอก.......... เพราะมีผู้ใหญ่อยากได้ และยืนยันไม่เคยได้รับเงินจากใคร
* ยันเนื้อที่ 21 ไร่ ไม่ใช่ 20 ไร่
ยืนยันว่าที่ดินบนเขายายเที่ยง ที่ผมเคยครอบครองมีทั้งหมด 21 ไร่ ไม่ใช่ 20 ไร่ และที่เคยมีการรังวัดพบว่ามีที่ดินเพิ่มเป็น 26 ไร่ 8 ตารางวา ก็ไม่ทราบว่างอกออกมาได้อย่างไร เพราะไม่ใช่พื้นที่ติดแม่น้ำหรือชายทะเล หากงอกมาได้ก็พิสดาร ส่วนจะรุกเพิ่มหรือไม่ ผมไม่ทราบ แต่ผมซื้อมา 21 ไร่ ทั้งนี้เห็นว่าพื้นที่ส่วนใกล้เคียงชาวบ้านก็ถูกดำเนินการหมดแล้ว ถ้ารู้แบบนี้ผมน่าจะถือที่ดินผืนนี้ครองเอาไว้ เพราะมีเทพศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองให้ขนาดนี้ คลิปที่อ้างว่าเป็นเสียง นายนพดล กล่าว
* เตรียมชุมนุมที่ สุวรรณภูมิ
นายณัฐวุฒิ กล่าวถึงความเคลื่อนไหวของคนเสื้อแดงในสัปดาห์หน้า ว่า สัปดาห์นี้จะมีการประชุมแกนนำ นปช. โดยตนจะเสนอให้มีการติดตามคดีพันธมิตรฯยึดสนามบินสุวรรณภูมิ ที่ยังไม่มีความคืบหน้า โดยจะขอให้มวลชนเสื้อแดงทุกคนไปร่วมชุมนุมโดยสงบ ที่บริเวณทางเข้าสนามบินสุวรรณภูมิ และยืนยันว่าจะไม่มีการยึดสนามบิน ไม่บุก ไม่ปิดทางเข้าและออกอาคาร และไม่คุกคามผู้โดยสารหรือเจ้าหน้าที่ โดยจะเชิญกลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากการดำเนินคดีเกี่ยวกับการชุมนุมมาร่วมด้วย เช่น กลุ่มชาวนา และกลุ่มพนักงานไทรอัมพ์ โดยจะให้ทุกหน่วยงานมาแสดงพลัง ทั้งนี้ตนได้ไปสำรวจพื้นที่สองข้างถนน พบปกติมีการเอารถไปจอดไว้ข้างละคันอยู่แล้ว โดยไม่กระทบต่อการจราจร ซึ่งหากเป็นไปได้จะเริ่มการชุมนุมในสัปดาห์หน้าโดยใช้เวลาในการชุมนุมไม่เกิน 1 ชั่วโมง
* ขู่บุกบ้านองคมนตรีทุกคน
ด้านนายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง แกนนำ นปช. กล่าวว่า หลังจากที่แกนนำได้เดินทางไปทำเนียบองคมนตรีเพื่อยื่นหนังสือให้ พล.อ.สุรยุทธ์ แสดงความรับผิดชอบ กรณีครอบครองที่ดินเขายายเที่ยง ทั้งนี้ หากยังไม่ตัดสินใจใด ๆ กลุ่มคนเสื้อแดงจะไปตามบ้านองคมนตรีทุกคนเพื่อไปถามว่า องคมนตรีทุกคนเห็นด้วยกับเรื่องดังกล่าวหรือไม่ และคิดอย่างไร รวมทั้งจะเดินทางไปบ้านผู้พิพากษาอีกหลายคน ซึ่งเรื่องนี้จะได้ข้อสรุปว่าจะมีการดำเนินการอย่างไรต่อไป ซึ่งหลังชุมนุมที่เขาสอยดาว จ.จันทบุรี และถ้ายังไม่ได้คำตอบอีก อาจจะยื่นถวายรายงานต่อสำนักพระราชวัง เพื่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงทราบว่า คนที่อยู่ใกล้เบื้องพระยุคลบาทได้กระทำ การอย่างนี้
* ป่าไม้ขอเวลาตรวจ 60 วัน
ที่รัฐสภา เมื่อเวลา 13.30 น. คณะกรรมาธิการติดตามการบริหารงบประมาณ สภาผู้แทนราษฎร โดยมีนายเจริญ จรรย์โกมล เป็นประธาน ซึ่งกรรมาธิการฯได้มีการพิจารณาญัตติการใช้งบประมาณของกรมป่าไม้ กรณีโครงการจัดการทรัพยากรที่ดินและป่าไม้ในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ รวมถึง การยึดครองที่ดินเขายายเที่ยง ที่ จ.นครราช สีมา ของพล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ องค มนตรี พร้อมทั้งได้เชิญ นายสมชัย เพียรสถาพร อธิบดีกรมป่าไม้มาชี้แจง ซึ่ง กมธ. ปชป. ต่างพยายามสอบถามว่าเหตุใดกรมป่าไม้ถึงต้องใช้เวลาในการตรวจสอบข้อเท็จจริงในเรื่องเขายายเที่ยงถึง 60 วัน ทั้งที่ทราบข้อมูลหมดแล้วว่า ใครถือครองสิทธิถูกต้องหรือไม่ถูกต้องอย่างไร นอกจากนี้ได้สอบถามถึงการดำเนินการของกรมป่าไม้ หากตรวจสอบพบว่าเป็นการถือครองสิทธิโดยไม่ชอบ
* ถ้าผิดต้องรื้อออกใน 30 วัน
ด้านอธิบดีกรมป่าไม้ กล่าวว่า เหตุที่ต้องขอเวลา 60 วัน ในการดำเนินการ เพื่อดูข้อมูลในพื้นที่เขายายเที่ยง และนโยบายในการจัดการกับกลุ่มผู้ถือครอง แต่อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ทางอัยการได้ส่งสำนวนเรื่อง ดังกล่าวมาให้เมื่อวันที่ 18 ม.ค. ซึ่งตนได้เรียกประชุมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องในทันที เพื่อตรวจสำนวน คาดว่าไม่เกิน 7 วัน หรือภายในสัปดาห์นี้ น่าจะสรุปเรื่องดังกล่าวได้ โดยหากตรวจสอบพบว่า เจ้าของที่ไม่มีสิทธิครอบครองที่ดินดังกล่าว ต้องให้ผู้ครอบครองพร้อมบริวารออกนอกพื้นที่ภายใน 30 วัน รวมถึงต้องรื้อถอนทรัพย์สินออกไปให้หมด ส่วนหากไม่ดำเนินการรื้อถอนก็จะมีมาตรการดำเนินการตามกฎหมายที่ต้องดำเนินการ
* เสื้อแดงจี้ ดีเอสไอ ทวงฎีกา
เมื่อเวลา 14.00 น. ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กลุ่มแนวร่วมประชา ธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กว่า 100 คน นำโดย นายวีระ มุสิกพงศ์, นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ, นพ.เหวง โตจิราการ และนายจตุพร พรหมพันธุ์ เดินทางเข้ายื่นหนังสือร้องทุกข์กล่าวโทษ ให้ดีเอสไอดำเนินคดีกับ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รมว.ยุติธรรม กรณีดำเนินการพิจารณาฎีกาเสื้อแดง เพื่อขออภัยโทษให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีล่าช้า หลังยื่นขออภัยโทษตั้งแต่วันที่ 17 ส.ค. 2552
นายวีระ กล่าวว่า กลุ่มเสื้อแดงต้องการร้องทุกข์ให้ดีเอสไอดำเนินคดีกับ นายอภิสิทธิ์ และนายพีระพันธุ์ ซึ่งตั้งข้อ สังเกตว่ามีเจตนาทำให้ฎีกาเกิดความล่าช้า โดยหลังจากกลุ่มเสื้อแดงได้ร่วมกันยื่นทูลเกล้าฯถวายฎีกาขอพระราชทานความเป็นธรรม หรือฎีการ้องทุกข์ เพื่อขอพระราชทานอภัยโทษให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ กลุ่มเสื้อแดงตั้งข้อสังเกตว่า เสมือนเป็นการกักเรื่องฎีกาไว้ ไม่ปล่อยไปให้พระมหากษัตริย์ได้ใช้ พระราชอำนาจตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด ถือว่าบุคคลทั้งสองกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการตามที่กฎหมายกำหนดอันเป็นการกระทำความผิดหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญหลายมาตรา ซึ่งกลุ่มเสื้อแดงมีความเชื่อมั่นในองค์กรของดีเอสไอว่าจะเป็นที่พึ่งได้แม้ เรื่องดังกล่าวจะเกี่ยวพันกับการตรวจสอบผู้บังคับบัญชาก็ตาม
ด้านนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ ซึ่งเป็นผู้รับหนังสือร้องทุกข์ กล่าวว่า ยินดีรับเรื่องไว้สู่การพิจารณา ซึ่งภายในสัปดาห์นี้จะตั้งคณะพนักงานสอบสวนขึ้นมาทำหน้าที่พิจารณา โดยยืนยันว่าดีเอสไอจะทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมาภายใต้กรอบของกฎหมายด้วยความรวดเร็วอธิบดีป่าไม้สั่งให้สุรยุทธ์ออกจากเขายายเที่ยง
กก.สอบข้อเท็จจริงเขายายเที่ยงเตรียมลงพื้นที่ 21 ม.ค. ชี้ดูพิกัดก็รู้ว่าอยู่ในผังหรือไม่ ก่อนสรุปผลสอบบ้านพล.อ. สุรยุทธ์ จุลานนท์ตั้งอยู่คนละจุดกับที่ดินจัดสรรตามมติ ครม.หมู่บ้านป่าไม้หรือไม่ แย้ม หลักฐานชัดพล.อ.สุรยุทธ์ขาดคุณสมบัติในการถือครองหรือใช้ประโยชน์ในพื้นที่ดังกล่าว
(20ม.ค.) นายชลธิศ สุรัสวดี รองอธิบดีกรมป่าไม้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ในฐานะประธานคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงการถือครองที่ดินในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าเขาเตียน - เขาเขื่อนลั่น (เขายายเที่ยง) อ . สีคิ้ว จ . นครราชสีมา กล่าวถึงความคืบหน้าในการทำงานของคณะกรรมการฯว่า เมื่อวันที่ 18 ม . ค . ที่ผ่านมา คณะกรรมการฯได้เซ็นคำสั่งแต่งตั้งอนุกรรมการตรวจสอบการเปลี่ยนแปลงแผนผังที่ดิน โดยในเบื้องต้นคณะอนุกรรมการฯ ได้นำแผนผังรูปแปลงที่ดินของโครงการหมู่บ้านป่าไม้ ตามมติ ครม . เมื่อปี 2520 มาตรวจสอบแล้ว ซึ่งรายละเอียดของเอกสารแผนผังดังกล่าวไม่ได้มีการระบุพิกัดพื้นที่ไว้ชัดเจน จึงต้องตรวจสอบเพื่อให้ทราบว่าปัจจุบันพื้นที่เป็นอย่างไร
ทั้งนี้มอบหมายให้นายสุเทพ ปวเรศวิทยาราฬ ผอ . สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 8 (นครราชสีมา) เป็นประธานอนุกรรมการฯ ตรวจสอบทั้ง 401 แปลง โดยให้เวลาในการดำเนินการตรวจสอบ 15 วัน ซึ่งรูปแบบของการเข้าตรวจสอบพื้นที่นั้นก็ต้องมีการประสานงานและแจ้งเป็นหนังสือให้เจ้าของที่ดินทราบก่อน อย่างไรก็ตามในวันที่ 21 ม . ค . นี้ คณะกรรมการฯชุดใหญ่ จะเดินทางลงตรวจสอบข้อเท็จจริงในพื้นที่เขายายเที่ยง เพื่อดูสภาพพื้นที่ของจริง เพราะมีข้อสงสัยว่าที่ดินที่เป็นปัญหาโดยเฉพาะของ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ อดีตนายกรัฐมนตรี ตั้งอยู่คนละจุดกับที่ดินจัดสรรตามมติ ครม . แต่ก็ไม่จำเป็นต้องถึงกับขอเข้าไปรังวัดพื้นที่ใหม่ เพราะเพียงดูแค่พิกัด ขอบเขตตามแผนผังก็น่าจะทราบได้แล้ว
ผลสอบเขายายเที่ยงพบสุรยุทธ์ขาดคุณสมบัติ
ผู้สื่อข่าวรายงานจากกระทรวงทรัพยากรฯว่า สำหรับกรณีที่ดินเขายายเที่ยงของ พล.อ.สุรยุทธ์นั้น คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงของกรมป่าไม้ ได้เร่งดำเนินการเป็นกรณีพิเศษกว่าแปลงอื่นๆ เนื่องจากเป็นกรณีที่มีปัญหาและถูกกดดันจากกระแสสังคมเป็นอย่างมาก โดยคณะกรรมการฯได้รับสำนวนคดีจากอัยการจังหวัดสีคิ้ว เมื่อวันที่ 18 ม . ค . ที่ผ่านมา จากการตรวจสอบสำนวนของอัยการแล้ว โดยหลักการพบว่าพล.อ.สุรยุทธ์ขาดคุณสมบัติในการถือครองหรือใช้ประโยชน์ในพื้นที่ดังกล่าว แล้ว ซึ่งคณะกรรมการฯ กำลังเตรียมเสนอรายงานเพื่อให้ผู้บริหารของกรของทส. รับทราบต่อไป จากนั้นต้องแจ้งให้ผู้ครอบครองพร้อมบริวารออกนอกพื้นที่ภายใน 30 วัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากได้รับสำนวนจากอัยการกรณีเขายายเที่ยงมาแล้ว ในช่วงบ่ายวันที่ 20ม.ค.ที่ผ่านมา นายสมชัย เพียรสถาพร อธิบดีกรมป่าไม้ ได้เรียกนิติกรกรมป่าไม้ เข้าหารือและพิจารณาสำนวนอย่างเคร่งเครียด โดยยังไม่ยอมเปิดเผยรายละเอียดของสำนวนแต่อย่างใด
อธิบดีป่าไม้เซ็นคำสั่งให้สุรยุทธ์ออกเขายายเที่ยงแล้ว ล่าสุดมีรายงานว่า อธิบดีกรมป่าไม้ได้ลงนามในคำสั่งให้ พล.อ.สุรยุทธ์ออกจากพื้นที่เขายายเที่ยงแล้วภายใน 30 วัน เนื่องจากขาดคุณสมบัติครอบครองที่ดิน ทั้งนี้แหล่งข่าวจากกรมป่าไม้เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 20 มกราคม กรมป่าไม้ทำหนังสือถึง พล.อ.สุรยุทธ์ โดยระบุว่า "จากการตรวจสอบของกรมป่าไม้พบว่า พล.อ.สุรยุทธ์ ไม่มีสิทธิครอบครองที่ดินเขายายเที่ยง ตามมติ ครม.เมื่อวันที่ 29 เมษายน 2518 จึงขอแจ้งให้ท่านกับบริวารออกจากเขตป่าสงวนเขายายเที่ยง พร้อมให้รื้อถอนบ้านและสินทรัพย์ภายใน 30 วัน แต่หากไม่เห็นด้วยสามารถยื่นอุทธรณ์ต่อกรมป่าไม้ได้ภายใน 15 วัน ตามวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ.2539 มาตรา 44"
ไทม์สยัน แม้ว สัมภาษณ์หมิ่นสถาบัน!!!
"ทักษิณ" ออกแถลงการณ์ยันถูกไทม์สบิดเบือนคำสัมภาษณ์ ลั่นไม่ได้จาบจ้วงสถาบันอีก ขณะที่ไทมส์ได้ยืนยันคำสัมภาษณ์ตามที่เผยแพร่ไปจริง ปลัดกห.คิดไม่ถึงคนเป็นถึงระดับอดีตนายกฯจะใช้คำรุนแรงเช่นนี้
(9พ.ย.) นายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ แถลงข่าวที่รัฐสภา ตอบโต้กรณีพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์ไทม์ส ของประเทศอังกฤษ ที่มีลักษณะจาบจ้วงสถาบันเบื้องว่า เป็นการย้ำถึงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม และเรียกร้องให้ยุติพฤติกรรมเช่นนี้ เพราะจะส่งผลกระทบต่อความรู้สึกของคนไทย
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวต่อว่า กระบวนการยุติธรรมของไทยจะเข้าไปตรวจสอบข้อเท็จจริงและดำเนินคดีต่อไป รวมถึงการทำหนังสือถึงเอกอัครราชทูตประเทศต่างๆ เพื่อให้เข้าใจถึงบทบาทสถาบัน ที่ต้องอยู่เหนือประเด็นทางการเมือง
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ยืนยันถึงความพร้อมในการประสานขอตัวผู้ร้ายข้ามแดนจากกัมพูชา เพื่อนำส่งตัว พ.ต.ท.ทักษิณ กลับมาดำเนินคดีว่า ไทยจำเป็นต้องดำเนินการตามขั้นตอน ด้วยความเคารพต่อกฎหมาย
ด้านนพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกแต่ครั้งนี้ใช้ถ้อยคำที่รุนแรง และน่าสงสัยว่า มีการใช้ลอบบี้ยิสต์เพื่อดำเนินการ ทั้งนี้พรรคประชาธิปัตย์จะเสนอต่อรัฐบาลและหน่วยงานที่รับผิดชอบ อาทิ หน่วยงานที่ดูแลด้านความมั่นคง เพื่อให้พิจารณากับสื่อที่ลงข่าวดังกล่าว เพราะถือว่ากระทบกระเทือนจิตใจคนไทยทั้งชาติ
ผู้สื่อข่าวถามว่า จะมีการเสนอรัฐบาลเพื่ประสานไปยังสื่อดังกล่าวขอให้ลบข้อความที่กระทบสถาบันเบื้องสูง และความรู้สึกของคนไทยหรือไม่ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า จะให้รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทำการประสานและดำเนินการต่อไป
ทักษิณโยนบาป"ไทม์ออนไลน์"บิดเบือนคำ
ต่อมาเมื่อเวลา 14.30 น.พ.ต.ท.ทักษิณ ได้โพสต์ข้อความลงเว็บไซต์ทวิตเตอร์ ความว่า "ผมรู้สึกเสียใจมาก ที่ไทมส์ออนไลน์พาดหัวข่าววันนี้บิดเบือนคำให้สัมภาษณ์ของผม ผมจะออกแถลงการณ์ด่วนให้พี่น้องทราบวันนี้ครับ"
แม้วแถลงไทมส์บิดเบือนปัดหมิ่นสถาบัน
ต่อมาเวลา 16.00 น. พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้ออกแถลงการณ์ชี้แจงเนื้อหาบทสัมภาษณ์ในหนังสือพิมพ์เดอะไทมส์ โดยมีเนื้อหาโดยสรุปว่า เป็นการบิดเบือนคำให้สัมภาษณ์ของตนโดยสิ้นเชิง และการเสนอข่าวที่เป็นความเท็จดังกล่าวก่อให้เกิดความสับสนเข้าใจผิดในหมู่ผู้อ่านข่าว และในหมู่คนไทยตามมา
ทั้งนี้พ.ต.ท.ทักษิณได้ชี้แจงโดยแยกเป็น 4 ข้อในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับสถานบัน โดยปฎิเสธไม่ได้ให้สัมภาษณ์ตามที่หนังสือพิมพ์เดอะไทมส์เผยแพร่
ร่อนจม.เปิดผนึกยันไปกัมพูชาพูดเรื่องศก.
นอกจากนี้พ.ต.ท.ทักษิณ ยังได้เผยแพร่จดหมายเปิดผนึกมายังสื่อมวลชน เพื่อชี้แจงกรณีกัมพูชาแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษาเศรษฐกิจว่ เพื่อจะพูดคุยปัญหาความยากจนและแนวโน้มเศรษฐกิจโลก เพื่อรักษาผลประโยชน์ของประเทศไทยกับเพื่อนที่กรุงพนมเปญ แม้ว่ารัฐบาลไทยปัจจุบันจะยังคงไล่ล่าตัวผม ไม่ว่าตนจะเดินทางไปที่ใดก็ตาม
หวังว่ารัฐบาลไทยจะหยุดการสร้างสถานการณ์ระหว่างประเทศและปลุกกระแสชาตินิยมเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจจากความล้มเหลวโดยสิ้นเชิงที่จะพัฒนาและทำให้สวัสดิภาพของคนไทยดีขึ้น และป้องกันไม่ให้เกิดการทุจริตคอร์รับชั่นอย่างกว้างขวางในปัจจุบัน ถึงเวลาแล้วที่รัฐบาลจะยุติการหาแพะรับบาป และเริ่มทำหน้าที่แก้ไขปัญหาต่างๆที่ต้องการการแก้ไขในประเทศเราขณะนี้ หากท่านต้องการคำแนะนำใดๆ ก็สามารถโทรศัพท์หาผมได้เสมอ
ไทม์สยันทักษิณสัมภาษณ์หมิ่นสถาบัน
ภายหลัง พ.ต.ท.ทักษิณ ออกแถลงการณ์ปฏิเสธเกี่ยวกับบทสัมภาษณ์ที่มีลักษณะพาดพิงสถาบันอย่างรุนแรงในหนังสือพิมพ์เดอะไทมส์และเว็บไซต์นั้น ปรากฏว่า ในช่วงเวลาใกล้เคียงกัน หนังสือพิมพ์เดอะ ไทม์ส ได้นำคำให้สัมภาษณ์ฉบับเต็มของ พ.ต.ท.ทักษิณ มาเผยแพร่ในเว็บไซต์ไทม์สออนไลน์ คำให้สัมภาษณ์ดังกล่าวเป็นบทถาม-ตอบ ระหว่างนายแพร์รี กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งมีความยาวอย่างละเอียดทั้งสิ้นประมาณ 12 หน้า
บทสัมภาษณ์ชิ้นดังกล่าวระบุถึงข้อความจำนวนมากที่ พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวพาดพิงและล่วงละเมิดสถาบันเบื้องสูงอย่างรุนแรง และเป็นหลักฐานยืนยันว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ได้กล่าวคำพูดที่ไม่เหมาะสมจริง อีกทั้งยังบ่งชี้ให้เห็นถึงจุดประสงค์ที่แท้จริงของ พ.ต.ท.ทักษิณ ในการเคลื่อนไหวทางการเมืองในช่วงหลายปีที่ผ่านมาด้วย
ปลัดกห.คิดไม่ถึงทักษิณใช้คำรุนแรงเช่นนี้
พล.อ. อภิชาต เพ็ญกิตติ ปลัดกระทรวงกระทรวงกลาโหม ตอบคำถามผู้สื่อข่าถึงเรื่องนี้ว่า ตนยังไม่ได้รับรายงาน ซึ่งยังไม่ได้ตรวจสอบรายละเอียดว่าพ.ต.ท.ทักษิณสัมภาษณ์อย่างไร แต่ทราบว่าค่อนข้างรุนแรง ซึ่งไม่น่าจะเกิดจากคนระดับนี้ สิ่งที่พ.ต.ท.ทักษิณทำคือการทำลายตัวเอง หากเราวางตัวเป็นกลางไม่เข้าข้างใคร คงมองได้ว่าพยายามทำลายตัวเองมากกว่ายกย่องตัวเองขึ้นมา ความจริงพ.ต.ท.ทักษิณคิดเองได้ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นแสดงว่าพ.ต.ท.ทักษิณคิดแล้ว และคิดว่าสิ่งที่เกิดขึ้นจะทำให้ตัวพ.ต.ท.ทักษิณดีขึ้น แต่ผลที่ออกมาแสดงให้เห็นว่าคะแนนนิยมพ.ต.ท.ทักษิณลดลงไป
เมื่อถามว่า กองทัพจะมีปฏิกิริยาอย่างไรต่อการหมิ่นเบื้องสูง พล.อ.อภิชาต กล่าวว่า ขอตรวจสอบข้อมูลก่อน หากเป็นจริงจะต้องหาทางดำเนินการอย่างไรก็ตามเพื่อไม่ให้เกิดปัญหานี้ขึ้น เพราะเราคงยอมไม่ได้ที่ให้มีการหมิ่นสถาบัน
ภท.ประนามทักษิณอันตรายชาติเตือนปชช.มีสติ
นายศุภชัย ใจสมุทร โฆษกพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ พลาดไปแล้ว ไม่ต้องกระทืบซ้ำ หาก พ.ต.ท.ทักษิณ พูดจริงวันนี้ประชาชนตัดสินใจได้เองว่าในหัวสมองคิดอย่างไร และคิดว่าคงจะได้รับรู้เรื่องดังกล่าวจะตัดสินใจต่อ พ.ต.ท.ทักษิณ จึงอยากเรียกร้องให้ไตร่ตรองว่าจะสนับสนุน พ.ต.ท.ทักษิณต่อไปหรือไม่ เพราะเป็นอันตรายต่อประเทศชาติ และอันตรายที่สุด และเลวร้ายยิ่งกว่าการไปรับเป็นที่ปรึกษาเศรษฐกิจของรัฐบาลกัมพูชาเสียอีก
บัวแก้วรออัยการออกหมายจับส่งสถานทูตไทยคุมตัว"ทักษิณ"เมื่อเวลา 14.30 น. น.ส.วิมล คิดชอบ อธิบดีกรมสารนิเทศน์ กระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึงขั้นตอนการติดตามตัว พ.ต.ท.ทักษิณ กลับมาดำเนินคดี หลังจากปรากฏข่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณจะเดินทางเข้าประเทศกัมพูชา วันที่ 10 พ.ย.นี้ว่า กระทรวงการต่างประเทศ จะต้องได้รับเอกสารหมายจับจากสำนักงานอัยการสูงสุดก่อน เพื่อที่กระทรวงการต่างประเทศจะได้นำเอกสารหมายจับนั้นส่งโทรเลขด่วนไปยังสถานเอกอัครราชทูตไทยในกรุงพนมเปญ กัมพูชา เพื่อให้สถานทูตไทยในกรุงพนพเปญ ซึ่งขณะนี้มีอุปทูต ประจำการอยู่ ประสานขอความร่วมมือไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในกัมพูชา ในการควบคุมตัว พ.ต.ท.ทักษิณ
กระนั้น น.ส.วิมล ชี้แจงว่า เอกสารหมายจับ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่สำนักงานอัยการสูงสุดจะออกให้นั้น สามารถออกและใช้ได้ครั้งต่อครั้งเท่านั้น หมายความว่า เอกสารหมายจับนี้จะใช้ได้ในกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ เดินทางเข้าไปในกัมพูชา วันที่ 10 พ.ย.นี้เท่านั้น ไม่สามารถใช้ได้กับการติดตามตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ในสถานที่อื่น
เมื่อถามว่า สมเด็จฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา พูดชัดเจนว่า จะไม่ส่งพ.ต.ท.ทักษิณ ให้ไทย น.ส.วิมล กล่าวว่า การส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนขึ้นอยู่กับการพิจารณาของเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นนั้น ๆ
ครม.ช่วยเหลือเฮติเพิ่มแสนเหรียญเชิญร่วมบริจาค

ครม.อนุมัติเงิน 1 แสนเหรียญ พร้อมข้าว 2 หมื่นตัน แพทย์ ช่างก่อสร้าง พร้อมเปิดบัญชีธนาคารเชิญคนไทยร่วมบริจาคช่วยเหลือชาวเฮติ" "อภิสิทธิ์"หงุดหงิดโดนด่าบ่นตามระเบียบช่วยได้แค่2หมื่นเหรียญเมื่อเวลา 12.30 น.วันที่ 19 ม.ค.นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) ว่า ที่ประชุม ครม.อนุมัติเงิน 100,000 เหรียญสหรัฐฯ (หรือประมาณ 3,300,000 บาท) เป็นการช่วยเหลือเบื้องต้นแก่ประเทศเฮติที่ประสบปัญหาภัยพิบัติ ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอมา และจะมีการส่งข้าวสารเข้าไปช่วยเหลือด้วยโดยเบื้องต้นจำนวน 20,000 ตัน รวมถึงจะส่งบุคลากรเข้าไปช่วยโดยมีทั้งแพทย์ ช่าง และช่างก่อสร้าง ซึ่งจำเป็นต้องให้กระทรวงการต่างเป็นผู้ประสานในรายละเอียดของการบริหาร จัดการ เพื่อให้การส่งความช่วยเหลือตรงกับความต้องการของเฮติ และไม่เป็นภาระในการปฏิบัติการ ซึ่งต้องประสานงานผ่านสำนักงานใหญ่องค์การสหประชาชาติ(ยูเอ็น) ณ นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกานายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ รัฐบาลจะเป็นผู้ประสานงานในการเปิดศูนย์รับบริจาคเงินช่วยเหลือ ซึ่งทำได้ 2 ทาง คือ บริจาคผ่านทางบัญชีธนาคารกรุงไทย ชื่อบัญชี " รวมน้ำใจชาวไทยช่วยผู้ประสบภัยเฮติ " เลขที่บัญชี 067-0-05765-7 สาขาย่อยทำเนียบรัฐบาล ซึ่งสามารถสอบถามรายละเอียดได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 1111 และประชาชนสามารถบริจาคเงินได้ด้วยตัวเองที่จุดบริเวณลานน้ำพุ เชิงสะพานมัฆวานรังสรรค์ ถนนราชดำเนินนอก ระหว่างวันที่ 20 ม.ค.- 3 ก.พ.นี้ เวลา 08.30-16.30 น. ทุกวัน ไม่เว้นวันหยุดราชการ ซึ่งตนอยากเชิญชวนประชาชนทุกคนได้มีส่วนร่วมในการบริจาคเงินช่วยเหลือชาวเฮ ติ ทั้งนี้ ในการประสานงานเพื่อดูแลเรื่องการช่วยเหลือในขั้นตอนต่อไปนั้น ครม.มอบหมายให้นายวีระชัย วีระเมธีกุล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นผู้ช่วยประสานงานด้วยเมื่อถามว่ากระทรวงการต่างประเทศรายงานเรื่องคนไทยที่อยู่ในเฮติด้วยหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่มีการรายงานเรื่องดังกล่าว เข้าใจว่าเรื่องการประสานงานกับคนไทยในช่วงที่ผ่านมา ยังไม่มีปัญหาอะไร ส่วนกรณีที่มีคนไทย 3 คนต้องการเดินทางกลับประเทศไทยนั้น กระทรวงการต่างประเทศกำลังประสานงานอยู่นายศุภชัย ใจสมุทร รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ก่อนเข้าสู่วาระการประชุม นายอภิสิทธิ์ได้หารือเกี่ยวกับแนวทางการช่วยเหลือเหตุธรณีพิบัติที่เฮติ ซึ่งที่ประชุม ครม.มีมติว่านอกจากการช่วยเหลือด้านการเงินแล้ว รัฐบาลไทยจะให้ความช่วยเหลือเพิ่มเติม เช่น การส่งข้าวจำนวน 2 หมื่นตัน แพทย์และช่างสำหรับการบูรณะ ฟื้นฟู ทั้งนี้ได้มอบให้นายวีระชัย วีระเมธีกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีและกระทรวงการต่างประเทศดำเนินการเกี่ยวกับการจัดตั้งศูนย์กลางรับการช่วยเหลือจากภาคเอกชนและประชาชนในประเทศเพื่อส่งให้ประเทศเฮติต่อไปนายศุภชัยกล่าวต่อว่ากระทรวงการต่างประเทศยังได้เสนอที่ประชุม ครม.โดยเห็นว่าครั้งที่ประเทศไทยประสบภัยสึนามิ ประเทศไทยได้รับความเห็นใจและความช่วยเหลือจากนานาประเทศ รวมทั้งองค์การสหประชาชาติ และองค์กรระหว่างประเทศในรูปแบบต่างๆอย่างกว้างขวาง ดังนั้นในกรณีของเฮตินั้น ประเทศไทยก็ควรเข้าร่วมกับนานาประเทศในการแสดงไมตรีจิต และให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่ผู้ประสบภัย จึงเสนอให้ ครม.อนุมัติ 1. การบริจาคเงินช่วยเหลือในนามประเทศไทยจากค่าใช้จ่ายการให้ความช่วยเหลือแก่มิตรประเทศที่ประสบภัยพิบัติของกระทรวงการต่างประเทศ วงเงิน 1 แสนเหรียญสหรัฐ ทั้งนี้ ครม.เคยมีมติเมื่อวันที่ 1 มิ.ย. 2536 อนุมัติหลักการและแนวทางการดำเนินการให้ความช่วยเหลือกับมิตรประเทศที่ประสบภัยพิบัติ ได้ในวงเงินไม่เกิน 1 ล้านบาท จึงขออนุมัติ ครม.ในการให้ช่วยเหลือเพิ่มเติมจากกรอบวงเงินที่หลักเกณฑ์กำหนดนายศุภชัย กล่าวว่า 2. ขอความเห็นชอบในหลักการให้กระทรวงการต่างประเทศหารือและประสานงานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาช่วยเหลือเพิ่มเติม ทั้ง อาหารสำเร็จรูป เวชภัณฑ์ การส่งคณะแพทย์และความช่วยเหลืออื่นๆตามความจำเป็นและเหมาะสมทั้งทางด้านกายภาพและงบประมาณ โดยขอเบิกจ่ายค่าใช้จ่ายจากงบกลางรายการสำรองจ่ายกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น 3. ขอขยายวงเงินงบประมาณสำหรับความช่วยเหลือแก่มิตรประเทศที่ประสบภัยพิบัติของกระทรวงการต่างประเทศ จาก 10 ล้านบาท เป็น 30 ล้านบาท ในปี 2554 และให้สามารถเพิ่มการให้ความช่วยเหลือแก่ประเทศต่างๆได้มากขึ้นอย่างทันท่วงทีสำหรับประชาชนที่ต้องการร่วมบริจาคสามารถบริจาคได้ที่ธนาคารกรุงไทย บัญชีออมทรัพย์ " รวมน้ำใจชาวไทยช่วยผู้ประสบภัยเฮติ " สาขาย่อยทำเนียบรัฐบาล เลขที่บัญชี 067-0-05765-7"อภิสิทธิ์"หงุดหงิดโดนด่าบ่นตามระเบียบช่วยได้แค่2หมื่นเหรียญแหล่งข่าวทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยว่า ในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีได้มีการหารือถึงการช่วยเหลือผู้ประสบภัยแผ่นดินไหวที่ประเทศเฮติกันอย่างกว้างขวาง ใช้เวลากว่า 20 นาที โดยรัฐมนตรีหลายคน แสดงความเป็นห่วงในชะตากรรมของประชาชนชาวเฮติ โดยช่วงหนึ่งนายอภิสิทธิ์ได้ชี้แจงเหตุที่ในตอนแรกอนุมัติเงินให้เพียง 2 หมื่นเหรียญสหรัฐ เนื่องจากระเบียบราชการกำหนดไว้ให้จ่ายได้เท่านั้น แต่หลังจากนี้จะช่วยได้อีก 1 แสนเหรียญ พร้อมกับให้ความช่วยเหลือในด้านอื่นๆไปด้วย ซึ่งก็ต้องขึ้นอยู่กับทางเฮติว่าต้องการอะไรบ้าง ขณะที่นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ ชี้แจงว่าขณะนี้กระทรวงได้ประสานงานเพื่อช่วยเหลือชาวเฮติโดยผ่าน 3 ช่องทางด้วยกัน คือ 1 .ศูนย์อำนวยการขององค์การสหประชาชาติในเฮติ 2 .กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ กรุงวอชิงตัน และ 3 .สถานทูตไทยในประเทศแม็กซิโก"นายกรัฐมนตรี บอกว่าได้สั่งการให้หน่วยงานต่างๆให้ความช่วยเหลือเฮติ ไปมากแล้ว แต่ประชาชนยังไม่รู้ว่ารัฐบาลทำอะไรไปบ้าง ขณะนี้ยังมีบริษัท ห้างร้าน ภาคเอกชนจำนวนมากที่ไม่ต้องการบริจาคผ่านช่องทางอื่น แต่อยากจะผ่านรัฐบาลมากกว่า ในช่วงนั้นเองนายสุวิทย์ คุณกิตติ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้เสนอตัวเป็นหัวหน้าทีมในการดำเนินการ อาจจะเห็นว่าเป็นงานที่ได้หน้า สร้างผลงานได้ง่าย แต่นายกฯไม่อนุมัติ กลับมอบหมายให้นายวีระชัย วีระเมธีกุล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นตัวกลางในการประสานภาคเอกชนทุกส่วนระดมความช่วยเหลือชาวเฮติแทน " แหล่งข่าว กล่าวรมว.สธ.เตรียมส่งทีมแพทย์4ทีมช่วยเหลือเฮตินายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่ประเทศเฮติ ว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรีวันนี้ ได้มีมติให้ส่งความช่วยเหลือไปยังประเทศเฮติ ทั้งหน่วยแพทย์ หน่วยช่าง ในส่วนของกระทรวงสาธารณสุข ได้เตรียมความพร้อมการให้ความช่วยเหลือด้านการแพทย์และสาธารณสุขทั้งหมดแล้ว โดยประชุมร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศในเบื้องต้น ได้เตรียมทีมแพทย์ พยาบาลไว้แล้วทั้งหมด 4 ทีม ทีมละ 5-8 คน พร้อมยาและเวชภัณฑ์ที่จำเป็น จะเน้นทั้งการรักษาพยาบาลผู้บาดเจ็บ และการควบคุมโรคซึ่งมีความสำคัญมากในขณะนี้ เนื่องจากเกิดเหตุการณ์มากว่า 1 สัปดาห์ ได้รับความเสียหายอย่างหนัก มีศพผู้เสียชีวิตตามสถานที่ต่าง ๆ จำนวนมาก จึงคาดการณ์ว่าแนวโน้มอาจเกิดโรคระบาดตามมาสูงนายจุรินทร์กล่าวต่อว่า การปฏิบัติงานครั้งนี้ จะคัดเลือกแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการรักษา อาทิ ศัลยแพทย์ จากโรงพยาบาลศูนย์ 4 แห่ง คือ โรงพยาบาลพระนั่งเกล้า โรงพยาบาลศูนย์ขอนแก่น โรงพยาบาลศูนย์นครปฐม และโรงพยาบาลศูนย์ราชบุรี และผู้เชี่ยวชาญด้านการควบคุมโรคจากกรมควบคุมโรค พร้อมเดินทางไปปฏิบัติงานทันทีที่ได้รับการประสานงานจากกระทรวงการต่างประเทศ โดยทั้ง 4 ทีม จะผลัดเปลี่ยนกันไปปฏิบัติงานที่ประเทศเฮติตามระยะเวลาที่วางแผนไว้